โซเชียลเดือดมาก! เมื่อ นักร้องรุ่นใหญ่ ตกเป็นผู้เสียหาย โพสต์แฉธุรกิจขายตรง ทำเอาหมดเงินไปเป็นล้าน งานนี้เจ้าตัวยอมรับตรงๆ ว่าโง่เอง
เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่เดือดสุดๆ ณ ตอนนี้ เนื่องจากพิธีกรชื่อดังอย่าง หนุ่ม กรรชัย ได้ออกมาพูดในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ถึงกรณีเตรียมแฉเครือข่ายธุรกิจขายตรง ที่มีเหล่าคนดังในวงการบันเทิงมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยได้เผยว่า “บริษัทดังบางบริษัทที่มีการขายตรง ไปให้ทางตัวแทนเปิดบิล โดยมีเหล่านักแสดงทั้งหลายไปเป็นพ่อข่ายแม่ข่าย ผมเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว มีโอกาสคุยกับผู้เสียหายแล้ว บางคนถึงขั้นx่าตัวตxย ซื้อของจ่ายเงินแล้ว บอกขายได้แน่นอน ถึงเวลาสุดท้ายขายไม่ได้ ต้องเอาไปเร่ขายเอง กินเอง แต่ข่าวมันเงียบ เดี๋ยวเร็วๆ นี้นะครับ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เก็บรวบรวมข้อมูลอยู่ มีผู้เสียหายมาคุยกับผมหลายคน ผมว่าอันนี้ใหญ่ผมบอกเลย”
อีกทั้งยังได้ลั่นกลางเฟซบุ๊กอีกว่า “เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดัง เริ่มมีการข่มขู่ไปทั่ว กลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแทค เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียหายบ้างเหรอ?”

กบ ไมโคร แฉธุรกิจขายตรง ทำเสียเงินล้าน!
ล่าสุดทางด้านนักร้องรุ่นใหญ่ชื่อดังอย่าง กบ ไมโคร หรือ ไกรภพ จันทร์ดี ก็ได้ออกมาแฉเครือข่ายธุรกิจขายตรงนี้เช่นกัน โดยเจ้าตัวได้ตกเป็นผู้เสียหาย อีกทั้งยังเสียเงินหลักล้าน โดยได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า “ดูเหมือนจะมีคนบาดเจ็บรวมกันในนี้ไม่น้อย เกาะกลุ่มแอดเพื่อนเอาไว้นะครับ เผื่อกระจัดกระจายแล้วจะรวมตัวกันยาก “ผมโง่เอง ไม่ทันเกมเอง” ไม่เคยค้าขายเลยไม่เข้าใจรูปแบบธุรกิจ กว่าจะต่อภาพจบก็ทำไปปีครึ่ง ผมเข้าไปช่วงพีเรียดสุดท้ายก่อนหมดโควิด (ในช่วงที่หางานที่สองทำ) ผมไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์หรือรับค่าจ้างใดๆ ทั้งสิ้น
ผมกับภรรยาเปิดบิลไป 7 ดีลเลอร์ (คูณสองแสนกว่า) กับลงขันยิงแอดด้วยประมาณล้านนึง สุดท้ายเลิกทำเพราะได้คุยกับ สว. หลายๆ คนที่เอาเงินก้อนสุดท้ายมาลง เอาบ้านรถที่ดินไปเปลี่ยนเป็นเงินมาลง จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว มีมากมายที่เครียดจนสโตรก สามีขอเลิก ลูกไม่คุยด้วย ครอบครัวแตกแยก ผมทำใจไปต่อไม่ได้จริงๆ (คนพวกนี้รอส่งเสียงให้สังคมได้ยินอยู่นะครับ)
ถึงตรงนี้บอกเลยว่าไม่มีใครเอาผิดเขาได้หรอก ผมเองก็ไม่สามารถเอาผิดเขาได้ เพราะเขาสร้างเงื่อนไขไว้รัดกุมมาก เลยได้แต่บอกว่า “เขาไม่ผิดหรอก-ผมมันโง่เอง” หากวันนั้นรู้ว่าเปิดบิลสองแสนห้า แล้วพูดมาตรงๆ ว่าเตรียมค่าลงขันยิงแอดอีกห้าแสน คงไม่มีใครเปิดแน่ แต่การบิ้วให้เป็นแบบนี้มันเกิดหลังการเข้าไปอยู่ข้างใน เมื่อเขาเช็ค DNA เราจนมั่นใจ เขาถึงจะ “คายตะขาบ” กว่าจะเข้าใจก็มีคนตามไปหมดตัวไม่รู้กี่พันคน (เอาแค่คูณด้วยสองแสนก็พอนะ)
ถ้าพวกเราออกมาพูดได้ ไม่ได้พูดว่าเขาผิดอย่างไร แค่พูดว่าเราบาดเจ็บแค่ไหน แค่นี้ก็น่าจะช่วยให้คนอีกมากมีโอกาสพูด และคนอีกมหาศาลที่ไม่ต้องล้มละลาย และช่วยให้สังคมไทยเข้าใจมากขึ้นว่า ธุรกิจที่ไม่ผิดกฎหมายอะไรเลยแต่กลับมีคนสูญเสียมากมายนั้น อันตรายมากกว่าธุรกิจ 18 มงกุฎ และที่ไม่มีสื่อหรือหน่วยงานใดโฟกัสเรื่องนี้
เพราะคนผิดที่แท้จริงนั้นคือเจ้าทุกข์ที่ไม่ทันเกมที่เรียกว่า “ขายออนไลน์” เอง ผมรู้ว่าคนของพวกบอสเห็นคอมเมนต์ของผม ฝากไปบอกว่าบุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป เอามาทดแทนกันไม่ได้ อะไรที่ทำแล้วดีก็ขอให้รุ่งเรือง อะไรที่เลวร้ายที่รู้อยู่แก่ใจ ขอให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม”

