เพิ่งโสดมาหมาดๆ แต่เรียกได้ว่าฮ๊อตสุดๆ สำหรับ ‘อั้ม อธิชาติ’ ล่าสุดได้ออกมาเปิดใจ แจงสถานะของตัวเองชัดๆ หลังมีข่าวลือกับนักธุรกิจสาว
ไม่ว่าจะผ่านมานานสักกี่ปี ความฮ๊อตของผู้ชายที่ชื่อว่า ‘อั้ม อธิชาติ’ ก็ไม่เคยลดลงเลยสักนิด โดยเมื่อไม่นานมานี้เจ้าตัวได้ก้าวเข้าสู่สถานะโสดแบบเต็มตัว หลังจากที่ได้เลิกลากับอดีตภรรยานักร้องสาวยุค 90 อย่าง ‘นัท มีเรีย’ ซึ่งก็เป็นข่าวดังสุดๆ ในช่วงที่ผ่านมา ไม่วายมีคนโยงไปถึงเรื่องมือที่สาม ซึ่งเจ้าตัวก็มาชี้แจงชัดเจน ว่าเลี้ยงหมาอยู่กับคุณแม่ดีกว่า!
ยังถูกโยงไม่หยุด ล่าสุดได้ถูกจับตามองว่ามีสัมพันธ์กับ ‘ทราย อินทิตา’ นักธุรกิจสาวเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อดัง วัย 44 ปี จนหลายคนถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่หนักมาก โดยวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ได้ไปร่วมงาน Celebrating the Decade of Excellence ซึ่ง อั้ม อธิชาติ ก็ได้แจงปมความสัมพันธ์ของเจ้าตัวและนักธุรกิจสาวด้วย


‘อั้ม อธิชาติ’ แจงสถานะกับนักธุรกิจสาว ลั่น! เขามีลูกมีผัวแล้ว
อั้ม อธิชาติ ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับช่วงวันแห่งความรักที่ผ่านมา และเปิดใจถึงการปรับตัวในการอยู่คนเดียว รวมไปถึงชี้แจงถึงการเป็นข่าวกับสาวนักธุรกิจ ทราย อินทิตา ว่า “สำหรับวันวาเลนไทน์ก็ปกติดีก็อยู่บ้านอยู่กับคุณแม่และหมา ทุกวันนี้มีอยู่แค่นี้อยู่กับแม่ อยู่กับหมา อยู่กับออฟฟิศ อยู่กับงาน ส่วนโสดแล้วมีเหงาไหม จริงๆ ก็ต้องบอกว่าเราไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว มันผ่านช่วงเวลาการมีชีวิตคู่ ฉะนั้นคำว่าโสดและคำว่ามีคู่ เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีประเด็นที่จะต้องไปโฟกัสกับสิ่งนั้นมากนัก ณ เวลานี้ก็จะเป็นเรื่องของงานและเรื่องของการดูแลขอบคุณมากกว่า”
“ซึ่งถามว่ามีโมเมนต์คิดถึงเขา(นัท มีเรีย)ไหม คือคนเรามันมีความผูกพันธ์กันมา ความรู้สึกดียังมีให้กันเสมอ โอกาสดีๆต่างๆ เราก็ยังระลึกถึงกันเสมอ ซึ่งวันวาเลนไทน์ปีนี้ไม่ได้มีอะไรให้ใคร ไม่มีซื้ออะไรให้ใครเลย ซื้อแต่อาหารหมา ส่วนช่วงนี้ถามว่าแฮปปี้ไหม เรียกว่าเป็นการปรับเปลี่ยนชีวิตในแบบที่เราใช้ในปัจจุบันมากกว่า คือมันก็มีความสุขกับทุกเรื่องและทุกอย่างที่เราเป็น ซึ่งไม่ได้มีเรื่องของความเหงา อย่างที่บอกว่า พอเราโตขึ้นมากแล้ว เราก็มีเรื่องราวต่างๆและงานต่างๆที่ต้องคิด”
“แต่หลายคนบอกว่ายิ่งโสดยิ่งฮอตเป็นข่าวกับคนนู้นคนนี้ คือจริงๆ พี่ไม่ได้เป็นข่าวกับใคร พี่ไม่ได้มีอะไรกับใครแต่คนอื่นมีกับพี่มากกว่าในเรื่องของข่าว เพราะเราใช้ชีวิตปกติมากๆ ซึ่งข่าวลือกับสาวนักธุรกิจ ก็มีคนส่งมาให้ดู คือพี่เขามีผัวมีลูกแล้วนะ จะลงอะไรกันก็อยากให้ดูละเอียดนิดนึง เข้าใจได้แหละว่าคนอาจจะมีการคิดกันไป เมื่อเข้าใจผิดแล้วก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเข้าใจถูกแล้วก็ให้แก้ไขกันนิดนึง ซึ่งหลายคนก็สงสัยแหละว่าไปสนิทกันได้อย่างไร คือเราไปอุดรธานีบ่อย เราจะมีพระอาจารย์ที่นับถือมา และระยะหลังในช่วงเกือบ 20 ปี ที่ผ่านมา ก็จะมีผู้ใหญ่และพวกนักแสดงไปอุดรธานีค่อนข้างบ่อย จึงทำให้เรารู้จักกับเพื่อนๆที่อุดร รวมถึงทางคุณทรายเอง เวลามีงานต่างๆก็จะคอยดูแลแขก ดูแลเพื่อนๆ ที่เดินทางไปจากกรุงเทพ ก็เลยจะรู้จักกันตามงานการกุศล งานวัด งานบุญ แต่เราก็ได้มีโอกาสได้ไปช่วยคุณทรายหาเสียงครั้งนึง คือผมมองว่า ผมเดินทางไปอุดรบ่อย เราเห็นตั้งแต่เมืองอุดรเป็นอย่างไรจนวันนี้ ซึ่งเขามีความตั้งใจมากๆและช่วยเหลือคนอื่นโดยที่ไม่เคยบอกอะไรเลย และเรามองว่าถ้าจังหวะมีคนตั้งใจทำงานและผลักดันการทำงานที่ดีจริงๆมันก็เป็นประโยชน์ เราก็เลยช่วยแนะนำบอกว่า เขาได้ทำอะไรบ้างในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเห็น”
“ซึ่งหลังจากเรื่องราวนี้ได้เป็นข่าวเราก็มีไลน์คุยกับเขาบ้าง คือมันมีไลน์กรุ๊ปเพื่อน เขาก็บอกกันว่าดังมากเลยนะตอนนี้ เขาก็บอกว่า ไม่นึกถึงผัว ถึงลูกเขาเลย เขาก็ออกมาแก้ข่าวมาบอกมาเขียน ต้องบอกเลยว่า มันไม่มีอะไรจริงๆ ทางสามีของคุณทรายผมก็รู้จัก เวลาไปงานบุญกันก็ไปด้วยกันตลอด ลูกเขาก็เรียกผมว่า อาอั้ม ไม่มีอะไรเลย แต่ว่าคนอาจจะไม่เคยเห็นแล้วตีความไป แล้วสิ่งที่สำคัญคือ สื่อในโซเชียลทุกวันนี้ก็ต้องบอกว่า มันค่อนข้างที่จะเอาเรื่องหนึ่งเอาไปต่ออีกเรื่องหนึ่งค่อนข้างไว แล้วก็ไม่ฟังสิ่งอื่นสิ่งใด เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าพี่มีโอกาสพูด ณ ตรงนี้ก็จะบอกว่า ให้เข้าใจให้ถูกเถอะ”
“ทุกวันนี้สื่อเราเจริญก็จริง แต่อยากให้ความคิดเราเจริญตามสื่อให้ทัน ไม่ใช่ฟังแล้วเขียนไป คือมันมีคนเดือดร้อน เราลองนึกถึงสามีเขา นึกถึงลูกเขา เวลาเขาไปตอบเพื่อนเขา เขาใช้ชีวิตตามปกติอยู่แล้วจู่ๆดันมามีข่าวกับเรา แต่ๆ จริงๆเขาก็ไม่ได้มีผลกระทบหรอก คือทุกคนรู้อยู่แล้วคนเป็นร้อยเป็นพันคนเดินทางไปมาด้วยกันจากที่ไปทำบุญ คนก็ไปมองว่าบางเรื่องก็มองเป็นเรื่องตลก บางเรื่องก็มองเป็นเรื่องขำ แล้วก็เข้าใจได้ในหลักการเข้าใจผิด แต่ว่าถ้าเกิดมันจบเท่านี้ไม่ไปพูดต่อ ไม่เอาความคิดตัวเองไปทำร้ายผู้อื่น ผมว่ามันก็จะไม่มีอะไร ซึ่งเรื่องนี้เราก็มองเป็นเรื่องตกใจนิดนึงปนขำนิดหน่อย พี่ถึงต้องบอกไงว่า พี่อยู่กับหมากับแม่ ยังมีข่าวกับพี่อีก และตอนนี้เพื่อนไม่กล้าคบแล้วนะ คือใครอยู่ใกล้เราก็เป็นข่าว”
“ล่าสุดคุยกับพระอาจารย์ที่อุดร คุยกันในกลุ่มลูกศิษย์ ท่านบอกว่า คราวหน้าพระอาจารย์ก็ต้องระวังละ เดี๋ยวมีข่าวกับผม ท่านก็แซวเล่น ถามว่ากังวลไหม ไม่กังวลเลย ขอแค่เข้าใจผิดได้ พอบอกแล้วก็แก้ให้เข้าใจ เราขอโทษกันได้ คนในโซเชียลก็เหมือนกัน คำขอโทษไม่ผิด เข้าใจผิดแล้วขอโทษกันได้ไม่มีปัญหา ซึ่งเราก็ไม่มีคนคบอยู่แล้ว(หัวเราะ)”
โดยก่อนจะจบการสัมภาษณ์ อั้ม อธิชาติ ได้พูดถึงประเด็นการฟ้องคอมเมนท์ที่กล่าวหาตน โดยระบุว่า “ส่วนเรื่องที่ก่อนหน้านี้ที่จะมีการฟ้องคนที่กล่าวหา เอาเป็นว่าทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ของมัน อะไรที่มันไม่เกินเลยเกินไป เราก็มองว่าก็เข้าใจกันได้ แต่อะไรที่เกินความเข้าใจมันก็เป็นเรื่องของกฎหมาย แต่ ณ วันนี้หลายๆเรื่องก็เก็บข้อมูลไว้ บางอันก็ดูว่าเราบอกไปแล้วเขาเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ต้องบอกก่อนหน้านี้ 3-4 เดือนที่ผ่านมาเราเก็บข้อมูลไว้ทุกอย่าง เก็บไว้ในลิสต์ทั้งหมด คือไม่ได้แค่ปรึกษาทนาย เราต้องมองว่าสื่อสมัยนี้คือต้องบอกว่าไม่ใช่แค่เรา พี่รับได้ แต่พ่อแม่และครอบครัว คนรอบข้าง บางทีเขารับไม่ได้ มันเกิดผลกระทบ แล้วเรามองว่าทุกข้อความเราต้องมีความรับผิดชอบ ในเมื่อทุกคนกล้าพิมพ์กล้าเขียน กล้าที่ที่แสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดนั้นไหม ถ้าไม่กล้า อย่าพิมพ์อย่าเขียน”