ย้อนฟังสัมภาษณ์ คุณพ่อ มิน พีชญา เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เผยสิ่งที่กลัวมาตลอด ไม่อยากให้ลูกสาวใช้ชีวิตแบบประมาท
เป็นเรื่องราวที่สังคมต่างจับตามองอย่างหนัก และยังให้ความสนใจถึงประเด็นนี้กันอย่างต่อเนื่อง หลังศาลอนุมัติหมายจับปมคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป 18 หมายจับ รวม บอสพอล วรัตน์พล และ 3 บอสดารา กันต์ กันตถาวร, มิน พีชญา ,แซม ยุรนันท์ อีกทั้งทางศาลยกคำร้องขอประกันตัว แซม-มิน-กันต์ เนื่องจากทางศาลพิจารณาเห็นว่า มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนและมูลค่าความเสียหายสูงเป็นเรื่องร้ายแรง หวั่นผู้ต้องหาจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และได้ทำการส่งตัวให้กับกรมราชทัณฑ์ ต่อมาทาง ทนายชูชาติ กันภัย ทนายของ มิน ที่ได้ทำการเข้าเยี่ยมผ่าน conference ขณะกักตัวควบคุมโรค 5 วัน ได้ออกมาเผยชีวิตของ มิน เอาไว้ว่า คุณมินยังปรับตัวไม่ได้ แต่กำลังใจดี เพราะยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด รับประทานอาหารได้น้อย เนื่องจากเป็นโรคกระเพาะ ซึ่งเป็นโรคที่เป็นมานาน เบื้องต้นติดต่อให้ญาตินำยามาให้แล้ว และคุณมินไม่ได้ร้องขอพบใครเป็นพิเศษ นอกจากญาติ แต่ญาติยังไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ ต้องรอให้พ้นการกักโรคก่อน ตอนนี้คุณมินยังไม่ตัดผม เพราะยังเป็นผู้ต้องขังใหม่ แต่ใส่ชุดนักโทษปกติ

คุณพ่อ มิน พีชญา เปิดใจ กลัวลูกสาวใช้ชีวิตประมาท!
หากย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว มิน ได้มาเป็นแขกรับเชิญ พร้อมปลดล็อคปมในใจกับคุณพ่อ ผ่านทาง WOODY SHOW “ทำดีแค่ไหน พ่อไม่เคยชม” EP.26 ที่มี วู้ดดี้ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ซึ่งในบางช่วงบางตอน วู้ดดี้ ได้ทำการเซอร์ไพรส์ให้คุณพ่อพูดถึงลูกสาว ทางคุณพ่อได้เปิดใจพูดเอาไว้ว่า น้องมินตั้งแต่เด็กจนโต เป็นเด็กเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ตัวเล็กๆ จับตั้งที่ไหนก็นั่งตรงนั้น เป็นเด็กขี้อายมากๆ ไม่คิดว่าโตมาจะมาเป็นดาราได้ อันนี้แปลกใจมาก วีรกรรมตอนเด็กๆ วันนั้นเขาให้น้องมินไปนำเสนอหน้าห้อง ด้วยความที่ขี้อาย ตกใจ มือเกร็ง ต้องส่งโรงพยาบาล ไม่ได้เรียกว่าวีรกรรม เป็นสิ่งที่เลี้ยงลูกผิดวิธีหรือเปล่า เพราะทำให้ลูกขี้อายไม่กล้าแสดงออกบนเวที เขาน้อยใจตอนนั้นป๊าหาเสียงจะให้เขาขึ้นไปเล่นเปียโนโชว์ เขาก็โกรธ หาว่าป๊าแกล้ง ขึ้นไปบนรถจะกระโดดรถxาย ตอนเด็กๆ นะครับ เหมือนน้อยใจว่าป๊าให้ไปเล่นเปียโนโชว์ชาวบ้าน
นี่ก็ชื่นชมลูกว่าเขาเป็นคนเก่งจริงๆ นะ ที่เขาปรับตัว เข้ากับการทำงานได้ดี แล้วก็เข้ากับเพื่อนๆ ชื่นชมเขามาก ตั้งแต่เรียนมา ตั้งแต่เด็กแล้วเรียนจนจบก็ประคองตัวในสิ่งที่อยู่ในทำนองคลองธรรม เป็นผู้ให้ที่ดี เป็นผู้รับที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดีให้สังคม ในวงการนี้ผมก็ไม่รู้ว่าสูงสุดมันอยู่ตรงไหน รู้แต่ว่าทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
สิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือ การดำเนินชีวิตเราต้องระวังตัวตลอดเวลา ดีใจวันนี้ไม่ใช่ดีใจตลอดไป แล้วทำให้เราเหลิงประมาณนั้น มินก็รักมาก ทุกวันนี้ลูกๆ เป็นกำลังใจของพ่อแม่ ในการที่จะดำเนินชีวิตต่อไป หรือเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดที่เรามีอยู่ในปัจจุบันนี้ จะมาเทียบกับทรัพย์สินเงินทองอะไร ก็ไม่เท่ากับที่เราอยู่กับลูกกับครอบครัว จริงๆ มินเขาเก่งมาตลอดในสายตาผมนั่นแหละ เพียงแต่ว่าไม่อยากให้เขาประมาทในการใช้ชีวิตเฉยๆ ยังไงลูกคนนี้ก็เก่งมากๆ สำหรับผมนะครับ แล้วก็เก่งตลอดไปสำหรับพ่อแม่

