ฟิล์ม รัฐภูมิ ออกมายืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสักเรื่อง พร้อมเผยอีกว่าชีวิตนี้เกิดมาไม่เคยทำผิด ไม่กังวลใจเลยสักคดี!
ช่วงบ่ายของวันนี้ (3 มีนาคม 2568) ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ พร้อมด้วยทนายความส่วนตัว ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ได้เดินทางไปขึ้นศาลมีนบุรี หลังจากได้รับหมายเรียกจากฝ่ายโจทก์มาเป็นพยานในคดีซื้อเหรียญบิตคอยน์ โจทก์จึงออกหมายเรียกฟิล์มมาเป็นพยานให้การกับศาล ทางด้านของทนายประมาณ ก็ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของฟิล์ม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เช่นกัน
“ฟิล์ม รัฐภูมิ” อัดอั้น! เจอสารพัดคดีรุมเร้า
ทนายประมาณ: “ก็พร้อมจะให้ความจริงว่าฟิล์มไปเกี่ยวข้องยังไง เรื่องนี้ฟิล์มไปเกี่ยวข้องเป็นแค่วิทยากรให้เขา วันที่ฟิล์มไปเป็นวิทยากรก็มีผู้เชี่ยวชาญเยอะแยะเต็มไปหมดมาบรรยายทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ซึ่งฟิล์มไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับธุรกิจของเขา และบริษัท ส. รวมถึงบริษัทที่เป็นเจ้าของเหรียญ ซึ่งมันไม่มีหลักฐานมาแสดงว่าเราเกี่ยวข้อง เพราะเป็นแค่วิทยากรเรื่องบล็อกเชนและทำโฆษณาให้เขา ไม่มีอะไรเลย”
ฟิล์ม: “เราไม่ได้เกี่ยวของอยู่แล้วในทุกๆ เรื่องที่มีคนมั่วๆ มาพูดว่าผมเกี่ยวข้อง คืออยากจะบอกกับประชาชนว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้องเลย แต่เขาก็พยายามเอาเราไปเกี่ยวข้องในทุกคดี”
“ผมก็ไม่เข้าใจนะ ผมมีความรู้เรื่องบล็อกเชน ก็เลยมีโอกาสเป็นวิทยากรในหลายๆ ครั้ง ต้องให้เขาไปปรึกษาประวัติผมดีๆ ว่าผมทำอะไรมาก่อน ตัวผมเป็นอาจารย์สอนด้านการตลาด เป็นวิทยากรเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ผมเคยพูดมาเป็นพันๆ บริษัท มี10 บริษัทที่เป็นคดีความกันอยู่ แล้ว 10 บริษัทมาพูดแล้วดิสเครดิตผมในสังคม ผมว่าการทำแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์ แต่ก็ไม่เป็นไร ทุกเรื่องอยู่ที่อาจารย์ประมาณหมดแล้ว“
“ผมอยากจะบอกว่าตัวผมเองไม่เคยกังวลใจแม้สักคดีเดียว เพราะผมไม่ใช่คนที่จะไปทำแบบที่เขาพูดกัน นับตั้งแต่ผมเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ เอาเป็นตั้งแต่ผมเกิดมาผมไม่เคยทำอะไรผิด ผมเคารพกฎหมาย อยู่กับประชาชนมานาน ผมจะเอาตัวเองไปทำผิดทำไม แต่สิ่งที่เขาพูด พยายามจะดิสเครดิตเรามันไม่ถูกต้อง ใครเคยเห็นหลักฐานว่าผมทำผิดบ้าง มันไม่มีเพราะผมไม่เคยทำไงครับผมเลยไม่เข้าใจว่าเขาจะพูดทำไม“
ทนายประมาณ: “เอาหลักฐานออกมาเลย ก็รออยู่ รอมาเป็นเดือนแล้ว ผมเช็กหลักฐานเบื้องต้นหมดแล้ว คดี 60 ล้านก็เหมือนกัน รออยู่ ยังไม่เห็นเงาเลย”
ฟิล์ม: “ผมไม่อยากให้สื่อมวลชนตกเป็นเครื่องมือในการทำลายคนๆ หนึ่ง เราต้องช่วยกันทำสังคมให้น่าอยู่กันนะ เราไม่ควรตกไปอยู่ในกระบวนการหรืออะไรที่เขาพยายามทำกัน อยากให้ทุกคนช่วยกันระมัดระวังเพื่อให้สังคมน่าอยู่มากขึ้นดีกว่า วันนี้เอาผมเป็นตัวอย่างก็ได้ ลองมองย้อนกลับมาดูว่าสิ่งที่ผมโดนกระทำอยู่มันคืออะไร เห็นว่าผมเป็นคนไม่พูด ไม่ค่อยออกมาพูดอะไร จริงๆ แล้ว คุณก็ไม่ควรมากระทำแบบนี้ ฉะนั้นเคารพกฎหมายกันดีกว่าครับบ้านเมืองจะได้น่าอยู่ขึ้น”
“ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่เขาพูดถึงผม ทุกหน่วยงานเช็กผมหมดแล้วครับ ผมยังยืนอยู่ตรงนี้เลย เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิดไงครับ ผมบริสุทธิ์ใจถึงได้ออกมาพูด ผมอยากให้ดูเจตนาและการกระทำของคน แค่นี้คุณก็จะเจอความจริงแล้วว่าคืออะไร มันไม่เป็นความจริงเลยสักเรื่อง”
ในส่วนของคดีที่เตรียมฟ้อง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย และ อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ทนายประมาณได้เผยว่า “กำลังจะยื่นฟ้อง ฟ้องกลับก็ไม่สนใจ ฟ้องกลับก็ฟ้องมา ถ้าเอาความเท็จมาฟ้องก็ต้องโดนผมอีก เดี๋ยวว่าความในศาลก็รู้ครับอะไรความเท็จอะไรความจริง เบิกความเท็จโดนโทษหนักไปอีก คราวนี้ก็ช่วยกันไม่ได้นะครับ เตือนกันแล้ว เมื่ออยากจะลองก็ได้ครับ ตัวเองก็ไม่ใช่นักกฎหมายหรอกนะ แต่รู้ดีเหลือเกิน ก็ได้ครับ”
