สแตมป์ อภิวัชร์ เปิดใจหลังหายไปนานร่วม 2 ปี เหตุเพราะภรรยาถูกคุกคามหนัก ด้านพ่อคู่กรณีเป็นลูกนายพล ซ้ำเจอข่มขู่ให้ถอนฟ้อง ไม่งั้นเจอยัดคดี!
ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปิน-นักแต่งเพลงชื่อดัง สำหรับ แสตมป์ อภิวัชร์ ที่เจ้าตัวนั้นหายหน้าหายตาไปพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว ทำอาเหล่าบรรดาแฟนคลับต่างคิดถึงเป็นจำนวนมาก ซึ่งทาง สแตมป์ เคยได้ออกมาเผยถึงเรื่องราวที่ภรรยาสาว นิว จีริสุดา ถูกคุกคามบุกไปถึงหลังเวที เพื่อถ่ายรูปและกล่าวหาว่าเธอเป็นบ้า จนเจ้าตัวและภรรยาต้องพึ่งศาล จึงเป็นเหตุผลที่ทาง สแตมป์ นั้นเลือกรับงานและหายหน้าหายตาไปจากคอนเสิร์ตต่างๆ เป็นเวลานานถึง 2 ปี

สแตมป์ เปิดใจหลังภรรยาถูกคุกคามหนัก ซ้ำเจอนายพลข่มขู่!
จนเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ทางแอ็คเคานต์ช่องยูทูบที่ใช้ชื่อว่า SarutaTa ได้ออกมาเผยคลิปของ สแตมป์ ที่ได้มาเล่นคอนเสิร์ต Wednesday Song ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ โดยในบางช่วงบางตอนเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจถึงสาเหตุที่หายหน้าไปจากวงการดนตรี พร้อมพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดหลังภรรยาโดนคุกคาม เอาไว้ประมาณว่า ขอบคุณทุกคนที่ยังจำผมได้อยู่นะครับ ผมขอเล่าเรื่องบางเรื่อง ซึ่งมันจะปกป้องชีวิตคนในครอบครัวผมได้ แล้วผมเอามันออกมาสู่แสงสว่าง เพราะว่าภรรยาผมถูกโจมตีในที่มืดมานานเกินไปแล้ว ผมหายไปเพื่อฟ้องร้องคน 2 คน ที่บุกมาถ่ายคลิปแบล็กเมลภรรยาผมหลังเวที
มันเริ่มจากมีคนคนนึงสร้างสถานการณ์ ทำให้เกิดความเกลียดชัง สร้างความเข้าใจผิดให้กับภรรยาผมในวงการเพลง ทั้งๆ ที่เขาไม่รู้จักส่วนตัวกับภรรยาผมมาก่อน แล้วก็มีคนเชื่อถึงขั้นมาโพสต์ด่าโจมตี บุกรุกมาหลังเวที จนผมทำงานไม่ได้ คนๆ นี้ โผล่หน้ามาให้ภรรยาผมรำคาญใจมาเป็น 10 ปีแล้ว ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แต่เรื่องมันร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2565 มีตัวละครเพิ่มขึ้นมาคือ แฟนหนุ่มของเขาซึ่งทำงานอยู่ในวงดนตรีวงหนึ่ง ทำให้ฝ่ายหญิงมีป้ายห้อยคอที่จะบุกรุกเข้ามาหลังเวที

ในช่วงปี 2565 ขณะที่ผมเล่นดนตรีบนเวที 2 คนนี้จะแวะมาโฉบผ่านหน้าภรรยาผม บางครั้งก็สร้างสถานการณ์มานั่งร้องไห้ใกล้ๆ ภรรยาผม ซึ่งภรรยาผมก็ไม่รู้มันคืออะไร แต่เธอก็ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากให้ผมเป็นข่าว เธอใช้วิธีการหลบเลี่ยงเอา ภรรยาผมบอกกับผู้จัดการว่า ขอไม่รับงานร่วมกับวงดนตรีวงนี้ไปก่อน คิดว่าจะจบได้โดยไม่มีการปะทะกัน
จนวันที่ 26 ก.พ. 2566 มีงานคอนเสิร์ตที่ เดอะสตรีท รัชดา เราทราบไม่เกินวันก่อนหน้าว่า เราต้องเล่นกับวงดนตรีวงนี้ เราแคนเซิลไม่ทัน เมื่อไปถึงพบว่าคู่กรณีทั้ง 2 คน มาดักหน้าห้องพักศิลปิน พอเห็นภรรยาผมทั้งสองพุ่งเข้ามาหาภรรยาผม พูดจากล่าวหาใส่และมีคนอัดคลิปวิดีโอไว้ แล้วไปบอกคนในวงการเพลงว่า บังเอิญเจอภรรยาผมหลังเวที แล้วหาว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาโดยไม่มีสาเหตุ จากนั้นเราเริ่มใช้การ์ดมาดูแลความปลอดภัย คอยลาดตระเวนก่อนคอนเสิร์ตเริ่มว่ามี 2 คนนี้มาไหม
ผ่านไปไม่นานทั้ง 2 คนย้ายไปทำงานกับอีกวงดนตรีหนึ่ง ตนก็ติดต่อไปหาหัวหน้าวงนั้นว่า ขอไม่รับงานร่วมกัน เพื่อความปลอดภัย ไม่อยากปะทะ ไม่อยากเป็นข่าว ก็คิดว่าจะจบได้ดี จนวันที่ 21 ต.ค. 2566 ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ก็ไปเจอกับหญิงคนเดิมนี้ที่รออยู่ ภรรยาเลยพาผมเบี่ยงตัวออกไป หลบในห้องพักนักดนตรี จนพอผมเตรียมขึ้นแสดง เปิดประตูมาเจอหญิงคนนี้ชูมือถือถ่ายอยู่หน้าห้อง แล้วไปโพสต์ในโซเชียลว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาเช่นเดิม

28 ต.ค. 2566 ทั้ง 2 คนนี้ไปนั่งดักรอเจ้าของค่ายเพลง ค่ายใหญ่ที่สุดค่ายหนึ่งในประเทศ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แล้วไปร้องไห้ฟ้องว่าถูกคุกคามโดยภรรยาผม ผู้ใหญ่ท่านนั้นรับฟังให้คำปรึกษา ก่อนติดต่อมาหาผมเพื่อฟังความอีกข้าง ผมจึงเล่าความจริงไป จนในปีที่ผ่านมาผู้ใหญ่ท่านนั้น ยอมไปขึ้นศาลเพื่อเป็นพยานให้ว่า 2 คนนี้ทำลายชื่อเสียงภรรยาผม
ผมตัดสินใจโทรหานักร้องนำวงนี้ ที่เขาสังกัดอยู่ ขอโทษที่ร่วมงานกันไม่ได้ตราบใดที่ 2 คนนั้นยังอยู่กับคุณ เราทำงานไม่ได้จริงๆ ตลอดการสนทนา ก็แน่ใจได้ว่านักร้องท่านนี้อัดเสียงผมอยู่ตลอด นั่นแปลว่า 2 คนนั้นไปบลัฟไว้ก่อนแล้วว่า ภรรยาผมไปคุกคามเขาและเขาเชื่อ แต่ภรรยาผมจะไปคุกคามเขาก่อนได้อย่างไร เมื่อทุกครั้งที่เกิดเหตุ มันเกิดที่หน้าห้องพักศิลปินของผม
ในเมื่อภรรยาผมไม่ปลอดภัย และไม่มีใครช่วยเราได้ ผมจึงต้องไปพึ่งศาล ไม่เช่นนั้น 2 คนนี้จะไปวาดภาพว่าภรรยาผมไปทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องที่น่ากลัวที่สุดของครอบครัวผมก็เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ครับ ระหว่างที่ไปศาลกัน พ่อของจำเลยท่านหนึ่งเป็นทหารยศนายพลจากพิษณุโลก มาขึ้นศาลแทนลูกของเขา พร้อมบอกว่าขอให้ผมกับภรรยาถอนฟ้องลูกของเขาซะ ไม่เช่นนั้นผมจะโดนยัดคดีทางการเมือง นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในศาล
ขณะที่นอกศาล นายพลท่านนี้เคยขับรถไปบ้านแม่ของผม บอกว่าเป็นแฟนคลับ เอาของมาให้ แล้วถ่ายรูปแม่ผมเก็บไว้ ส่วนภรรยาของนายพลแฝงตัวเข้าไปในกรุ๊ป Open Chat แฟนคลับ เพื่อสืบว่าไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน แล้วแฝงตัวเข้าไปดูคอนเสิร์ต พยายามแสดงตัวให้เห็นว่าจับตาดูอยู่ตลอด จนผมตัดสินใจปิด Open Chat

แต่คู่กรณียังคงตามติดตลอด ทั้งหน้าโรงแรมที่เราพัก ปั๊มน้ำมันที่เราเข้า หนักที่สุดเคยมานั่งข้างๆ ผมบนเครื่องบิน ระหว่างที่ทำการฟ้องร้อง ผมลองตรวจสอบดูพบว่ามีการล็อกที่นั่งไว้จริงๆ จากเพื่อนของเขาสมัยมหาวิทยาลัยที่ทำงานสายการบินนั้น หลังจากนั้นผมไม่รับงานที่ไหนๆ ที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินอีกเลย และขอไม่รับงานใดๆ อีกจนกว่าศาลจะคุ้มครองเรา
วันที่ 30 พ.ค. 2567 เราชนะคดีได้ด้วยการที่จำเลยรับสารภาพเอง ตอนนั้นเขาจำนนต่อหลักฐานในชั้นสืบพยาน มีการยกมือไหว้ภรรยาผมขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา และจะไม่ยุ่งกับภรรยาผมอีก แต่พอผ่านมา 2 สัปดาห์ เขาก็มาโพสต์ด่าภรรยาผมเหมือนเดิม ผมเลยบอกว่าไม่อยากให้มายุ่งแล้ว ช่วยทำตามคำสั่งศาลด้วย ไม่เช่นนั้นจะเอาเรื่องอย่างเด็ดขาด และเอาข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผย ทั้งชื่อวงดนตรีที่จำเลยทำงานอยู่ รวมไปถึงชื่อนายพลด้วย
