ตงตง กฤษกร ออกมาเคลียร์ดรามา หลังถูกขุดภาพนั่งทานข้าวคู่สาวอื่น หลังจากที่ออกมาเปิดตัวว่ากำลังศึกษาดูใจกับ สาลี่ เดอะสตาร์
หลังจากที่ออกมายอมรับว่าหัวใจไม่โสดแล้ว ก็มีชาวเน็ตหันมาจับตามองทันที สำหรับ หนุ่มตงตง กฤษกร หรือ ตงตง เดอะสตาร์ ที่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนเองกำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับสาวรุ่นน้อง อย่าง สาลี่ โสมวิมาลา หรือ สาลี่ เดอะสตาร์ โดยได้เผยว่า “ยอมรับว่าผมคุยกับน้องอยู่ เรากำลังศึกษากันอยู่ว่าจะไปในทิศทางไหน สุดท้ายก็ต้องใช้ระยะเวลา เราคุยกันมาสักพักแล้ว สำหรับตอนนี้ผมโอเค มีความสุขมากๆ”
ตงตง เคลียร์ดรามา ภาพนั่งทานข้าวข้างๆ สาวรายหนึ่ง
แต่หลังจากที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อได้ไม่นาน ตงตง ก็ถูกขุดภาพที่เจ้าตัวกำลังนั่งทานข้าวข้างๆ สาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพในเฟซบุ๊กของ เบล บุษยา ตั้งภากรณ์ ทำเอาชาวเน็ตแห่เมนต์กระหน่ำ ล่าสุด ตงตง ได้ออกมาเคลียร์ดรามาดังกล่าวว่า “จริงๆ แล้วผมกับพี่เมเปิ้ล (สาวที่นั่งข้างๆ) รู้จักกันอยู่แล้ว แล้ววันนั้นเป็นวันที่ผมไปทานข้าวของเชฟถนอม จริงๆ พี่เขากำลังจะกลับแล้ว แต่ว่าผมเดินไปข้างหน้าพอดี ผมบอกพี่เมเปิ้ลอย่าเพิ่งกลับ เข้าไปด้วยกันใหม่ก่อน เราก็เลยได้เข้าไปอีกรอบนึง ไปทานข้าว ได้ไปรู้จักคนนั้น คนนี้ แล้วก็เป็นพี่เบลถ่าย วันนั้นผมก็เพิ่งรู้จักพี่เบลครั้งแรกเหมือนกัน ตอนที่ภาพออกมาผมก็ไม่ได้ตกใจเลยครับ ผมกับพี่เมเปิ้ลสนิทกันมากๆ เป็นพี่สาวที่ผมสามารถคุยได้ทุกเรื่อง มีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นแก๊ง ก็ไปเที่ยวเกาหลีแล้วก็รู้จักกันหมด ผมก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไร
บางครั้งเราก็ไม่สามารถที่จะมาชี้แจงอะไรต่างๆ ได้ อะไรที่มันจริง ไม่จริง สำหรับผมทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายคนที่จะคอมเมนต์ก็จะมีทั้งคนชอบ คนเกลียด คนรัก คนไม่รัก เราไม่สามารถไปห้ามเขาได้ เพราะฉะนั้นผมทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยไป อย่างน้อยเรารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง
ไม่ต้องเคลียร์กับน้องสาลี่ น้องรับทราบอยู่แล้ว วันนั้นผมบอกน้องอยู่แล้วว่าเจอใครบ้าง อยู่กับใคร และผมเห็นที่น้องออกมาปกป้องผมแล้ว เพราะผมคุยกับน้องตลอด ผมเลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แค่อย่างน้อยเรารู้อยู่แล้วว่าน้องรู้อยู่แล้วว่าผมไป ผมอยู่กับใคร ผมแค่บอกน้องไว้ประมาณนึงว่าผมไม่อยากให้ออกมาต่อสู้อะไรแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้นบางเรื่องมันก็ไม่จบ อย่างน้อยผมโดนเดี๋ยวแป๊บนึงก็คงหายไป ถ้าน้องออกไปผมก็กลัวว่าเดี๋ยวจะมีอะไรมากระทบน้องอีกหรือเปล่า ทั้งที่ตัวน้องไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
ก็เป็นห่วงความรู้สึกน้องครับ ถามว่าน้องได้รับผลกระทบเยอะไหม จริงๆ ก็ไม่เยอะอะไรขนาดนั้น แต่หลักๆ ผมเป็นห่วงความรู้สึกของน้อง เพราะน้องก็ยังไม่ได้มีประสบการณ์ตรงนี้เยอะมากมายอะไร พอเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเจอมันแค่นี้ หรือมากน้อยแค่ไหน เขาอาจจะไม่ได้เล่าให้ผมฟังอีกหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้ เลยรู้สึกว่าไม่อยากให้ไปต่อสู้อะไรมาก”

