หลังจากที่ หมิว สิริลภัส และคู่กรณี ที่ได้มีการเข้าไปไกล่เกลี่ยและสอบปากคำถึงกรณีนี้นี้ที่สน.พหลโยธิน ทั้งนี้คู่กรณีได้ชี้แจงและกล่าวว่า
ไม่ได้ตั้งใจที่จะตามไปในห้องน้ำ ขับรถมารับเพื่อน เลยแวะเข้าปั๊ม ด้วยความที่พักผ่อนน้อย เดินเล่นมือถือไปด้วยทำไม่ได้เห็นว่าหมิวเดินเข้าห้องน้ำและไม่ได้คิดว่าเข้าห้องน้ำผิด
หมิว สิริลภัส แถลงคืบหน้า ปมโดนคุกคาม เผย จะเอาเรื่องถึงที่สุด
เบื้องต้น หมิวตั้งข้อสังเกตุว่า คู่กรณีบอกปวดท้องมาก แต่ไม่ได้ยินเสียงประตูไม่ล็อค ไม่มีเสียงอะไรใดๆเลย ถ้าปวดท้องมาก ทำไมไม่รีบทำธุระส่วนตัวของตัวเอง เพราะหมิวยืนสังเกตุนานกว่า 3 นาที
คู่กรณีชี้แจงว่า เมื่อเดินเข้าไปห้องน้ำและยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ๆได้ยินเสียงหมิวก็เกิดอาการตกใจรีบเดินออกไป และเพราะพักผ่อนน้อย เลยไม่มีสติ จึงรีบขับรถออกไป
หมิวกล่าวว่าต้องรอดูกล้องวงจรปิดอีกมุมหนึ่ง ว่าเป็นรถอะไร ถ้าไม่ใช่รถตำรวจก็ทำให้เชื่อได้ว่า คู่กรณีไม่ได้ตั้งใจและเจตนาจริงๆ แต่ถ้าใช่รถตำรวจก็คิดว่าเจตนาแน่นอน
ยืนยันและมั่นใจว่าไม่ได้มีเจตนาและไม่ได้มีคำสั่งจากใคร
เบื้องต้นหมิวคิดว่า 50% มองว่าคู่กรณีไม่ได้ตั้งใจ
ถามว่าเข้าข่ายอนาจารไหม ยังไม่เข้าข่าย เพราะหมิวเห็นแค่เพียงอีกฝ่ายชะโงกหัวขึ้นมา แต่ไม่ได้ชะโงกเข้ามาในห้องน้ำที่หมิวอยู่
ตอนนั้นที่หมิวชะเง้อหน้าไปเพราะเรารอให้อีกฝ่ายทำธุระเสร็จก่อน หมิวถึงจะเริ่มทำในส่วนของหมิว แต่ก็ยังไม่ทำจนสุดท้าย คู่กรณีหันมาหมิวจึงได้ส่งเสียงร้องออกไปในตามคลิป
ในกรณีที่ขับรถชนประชาชน คู่กรณีหมิวกว่าวว่าได้ติดต่อไปเพื่อรับผิดชอบแล้ว
ตบท้าย หมิวบอกเห็นใจคู่กรณีที่เขาอาจจะทำงานหนักเกินไป จึงอาจทำให้เบลอจริงๆ
เหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้สึกว่ามันทำให้หมิวดิ่ง เพราะหมิวเป็นโรคซึมเศร้า หมิวทานยานอนหลับไป 10 กว่าเม็ด และคิดว่าโลกมันไม่น่าอยู่แล้ว
ในเหตุการณ์นี้ ถ้ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด หมิวก็พร้อมให้อภัยแต่ถ้าโกหกหมิว หมิวอยากบอกว่า เขาทำให้คนๆนึงต้องเกือบตาย
