พีพี กฤษฏ์ ตั้งโต๊ะแถลงเคลียร์ชัด! พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีส่วนร่วมในธุรกิจ หลังเคยเป็นอดีตพรีเซ็นเตอร์ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป
เป็นประเด็นอื้อฉาวเรื่องราวใหญ่โตของวงการบันเทิงไทยเลยก็ว่าได้ จากกรณีธุรกิจขายตรงบริษัทชื่อดังของ บริษัท The iCon Group (ดิไอคอนกรุ๊ป) ที่มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพจดัง และทนายต่างๆ เป็นจำนวนมาก หลังสร้างดาวไลน์ขายฝันหลอกให้ประชาชนร่วมลงทุน บางรายยังสูญเงินไปหลักล้าน และยังคิดสั้นอยากจบชีวิตตัวเอง อีกทั้งยังมีนักแสดงชื่อดังหลายคนที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ อาทิ กันต์ กันตถาวร, แซม ยุรนันท์, มิน พีชญา ฯลฯ และบางคนยังมีตำแหน่งในบริษัทด้วย ซึ่งงานนี้ด้าน พีพี กฤษฏ์ ก็ถูกโยงเอี่ยวด้วยเช่นกัน หลังเคยร่วมงานกับบริษัทดังกล่าว

พีพี ยันไม่ได้มีส่วนร่วมในธุรกิจ เป็นเพียงแค่พรีเซนเตอร์!
ล่าสุด พีพี ได้ออกมาตั้งโต๊ะชี้แจง พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจ เอาไว้ว่า ไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็ได้รับรู้ข้อมูลต่างๆมาจากพี่ๆ ทีมงาน เลยอยากออกมาชี้แจงว่า เราเป็นพรีเซนเตอร์ให้เขาในรูปแบบใดครับ ซึ่งสินค้าที่เราเป็นพรีเซนเตอร์ในตอนนั้น เป็นผลิตภัณฑ์โปรดักซ์อาหารเสริมบำรุงสายตาของบริษัท ดิไอคอน พฤษภาคม 2565 สัญญา 1 ปี ในเงื่อนไขสัญญาการทำงานทั้งหมด ทำงานด้วยกัน 3 วัน คือ ถ่ายภาพนิ่ง, ออกรายการ และอีเวนต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ตัวพีเองก็ทำหน้าที่นำเสนอผลิตภัณฑ์อย่างเดียวเลย
เหตุผลที่ตัดสินใจรับงานนี้ ในตอนนั้นเป็นช่วงที่พีออกจากบริษัทเก่าแล้ว เริ่มทำบริษัทของตัวเอง แล้วก็มีบริษัทนี้ติดต่อมา ซึ่งทีมงานมีการเช็กทั้งหมดแล้วพบว่า ผ่านการรับรองจากหน่วยงานรัฐและได้รับ อย. เรียบร้อยครับ เราก็เช็กไปถึงตัวของบริษัทเองด้วยว่า ได้มีทุนการจดทะเบียนเท่าไรข้อมูลบริษัทถูกต้องตามกฎหมายไหม พอเจอเหตุการณ์นี้ยอมรับว่าตกใจ และไม่สบายใจเลยจริงๆ เลยอยากออกมาพูดถึงในวันนี้
ถามว่าทราบถึงเรื่องภายในของบริษัทไหม คือตัวพีเองจะได้รับทราบเฉพาะข้อมูลของสินค้า แต่ไม่ได้รับทราบถึงกลไก กิจกรรมหรือการทำงานของบริษัท ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในงานเปิดตัว ทางบริษัทก็มีสคริปต์ให้ แต่ตัวพีก็ขายเฉพาะสินค้าที่เป็นพรีเซนเตอร์เท่านั้น ส่วนทางทีมงานของพีเองมีการปรับสคริปต์และคอนเทนต์ให้หมดแล้ว โดยขอไม่พูดถึงตัวบุคคล พูดเฉพาะผลิตภัณฑ์ ทางทีมงานของพีได้มีการตัดข้อความที่ระบุหรือเป็นการอวดอ้างสรรพคุณด้วย

สัญญาการทำงานในฐานะพรีเซนเตอร์ ค่าจ้างได้รับจากค่าจ้างแบบโฆษณาครับ ซึ่งตัวพีเองไม่ได้มีการรู้จักกับผู้บริหารบริษัทเป็นการส่วนตัว พีก็รู้จักเขาในการทำงาน ส่วนที่เจอเขาก็คือ 3 วันใน 1 ปีครับ ถามว่าเขามีชวนไปร่วมลงทุนอะไรไหม คือเขาไม่ค่อยพูดอะไรกับพีเลย ไม่มีชวนนะครับ วันนั้นเราก็ไม่ได้ค่อยคุยอะไร
พอทราบข่าวเราห่วงความรู้สึกแฟนๆ ห่วงความรู้สึกของผู้เสียหายมากกว่า เลยอยากจะมาชี้แจงไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด พีเองก็ยินดีให้ความร่วมมือ และให้ข้อมูล รวมถึงชี้แจงเอกสารต่างๆ ได้หมดเลยครับ ยินดีมากๆ ในส่วนของตอนเป็นพรีเซนเตอร์ ได้รับฟีดแบ็กว่าพวกสินค้ามีปัญหาหรือโดนร้องเรียนไหม ถ้าส่วนตัวพีไม่รู้นะครับ ไม่ได้รับทราบในส่วนนั้นและก็ไม่มีใครทักมาหาส่วนตัวด้วย
ถามว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลอย่างไรกับการรับงานของพี ก็มีบ้างครับ แต่การเลือกรับงานคือปกติก็มีมาตรฐานในการรับเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าอยู่แล้ว อย่างแรกคือเป็นสินค้าที่ชอบก่อน และต้องเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากเกิดเรื่องนี้ก็ต้องมีการเพิ่มการคัดกรอกงานต่างๆ ให้มากขึ้น ถามว่าตอนนั้นเราได้มีข้อสงสัยในส่วนตัวบริษัทไหม พีไม่ได้รับรู้อะไรเลย พีพรีเซนต์สินค้า อะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัว product เราก็จะไม่พูดถึงสิ่งนั้น แล้วเราก็จะไม่พรีเซนต์สิ่งนั้นเลย อันนี้คือในข้อสัญญาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แล้วเรื่องของสคริปต์ก็ถามว่าปรับแก้เยอะไมต้องขอถามผู้จัดการ ซึ่งผู้จัดการเผยว่า อย่างในการอวยผู้บริหารก็ให้น้องพูดอยู่บนพื้นฐานของน้อง

ได้ปรึกษาหารือกับบิวกิ้น เขาก็เป็นห่วง จริงๆ เขาก็ให้กำลังใจ เขาก็บอกสู้สู้ ถามว่ามีฟีดแบ็กอะไรไหม รวมๆ ก็อาจมี แต่ถ้าตรงๆ เลยไม่ คือที่พีอ่านแล้วรู้สึกคือที่พีรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ ในฝั่งคอมเมนต์ที่บอกว่า ดาราศิลปินตั้งใจมาทำให้คนเชื่อถือหรือว่าตาม แต่จริงๆ ทุกงานที่พีทำ พีตั้งใจจริงๆ ทำด้วยความตั้งใจของพีจริงๆ ไม่อยากให้มองศิลปินดาราแบบนั้น การที่มีผู้เสียหายข้างค่อนข้างเยอะ ในมุมของพี พีรู้สึกเสียใจ ไม่มีใครอยากจะให้คนในรอบตัวหรือใครก็ตามเจอ
ถามว่าคิดยังไงกับครั้งแรกที่บอสพอลติดต่อเรามา แล้ววันนี้มันคนละเรื่องกันเลย พีเองก็เสียใจครับ คงเป็นสิ่งที่พีต้องระมัดระวังมากขึ้นในการรับงานครั้งหน้า และจริงๆ ไม่เคยคิดอยากจะให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น พีไม่สามารถเข้าไปดูกิจกรรมหรือกลยุทธ์ยุทธการขายของเขาได้เลย อย่างที่บอกว่ามีหน้าที่พรีเซนต์แค่ตัว product ตามสัญญา ถามว่าเราไม่ได้โดนกดดันอะไรจากบริษัทใช่ไหม ไม่เลยไม่มีใครกดดัน แต่พีกดดันตัวเอง อยากจะช่วย ถ้าช่วยสังคมได้ในส่วนเล็กๆก็อยากจะช่วย
หลังจากหมดสัญญาไม่มีคอนเน็คชั่นต่อ และไม่ได้ต่อสัญญาด้วย ไม่ได้ติดต่ออะไรเลย คือหลังมาแถลงแล้ว เราก็สบายใจ คือมันเหมือนเป็นเรื่องที่เราไม่ได้อธิบายมากกว่า ประเด็นหลักเลยก็อยากจะช่วยเหลือการให้ข้อมูลต่างๆ อยากจะเป็นส่วนเล็กๆ ในการช่วยเหลือ ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ ถ้าเจ้าหน้าที่ต้องการข้อมูลอะไรพียินดีให้ความร่วมมือทั้งหมด และก็อยากจะบอกบิวกิ้นว่า ไม่ต้องห่วงตรงนี้ ตั้งใจเรียนไป
