จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม เข้าแจ้งความกลับ ป้าทวงหนี้จำนวน 2 แสนบาท ยืนยันตนเองไม่ได้หนี หรือเบี้ยวหนี้ พร้อมขอโทษ หม่ำ จ๊กมก ที่ทำให้เสียหาย
สืบเนื่องจากกรณีที่มีป้าคนหนึ่ง ได้บุกแขวนป้ายทวงหนี้ดาราตลกชื่อดังกลางห้างแห่งหนึ่ง เป็นเงินจำนวนกว่า 2 แสนบาท โดยมีข้อความบนป้ายว่า “ได้โปรดเมตตา คืนเงินค่าสินค้าให้เราด้วยเถอะ เงิน 284,400 บาท สำหรับบางคนอาจจะไม่เยอะ แต่สำหรับครอบครัวของเรา มันคือลมหายใจ 4 ชีวิต” ต่อมาจึงได้ทราบว่าดาราตลกคนดังกล่าวคือ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม หรือมีชื่อจริงว่า นรเศรษฐ์ ชงทรงกลด ล่าสุดเจ้าตัวได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บางใหญ่ เพื่อเป็นหลักฐานว่าตนเองไม่ได้หลบหนี

จั๊กกะบุ๋ม ยืนยันตนไม่ได้หนี แต่เป็นความเข้าใจผิด!
โดยทาง จั๊กกะบุ๋ม ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเพิ่งทราบเรื่องหลังจากที่ร้านได้ปิดไปแล้ว โดยทางด้านกลุ่มสต๊าฟจัดงาน และเจ้าหน้าที่มาบอกกับตนเอง ซึ่งตนก็ตกใจว่าป้าทำไปเพื่ออะไร เพราะก่อนหน้านี้ยังมีการพูดคุยอยู่ตลอด ล่าสุดเพิ่งได้คุยกันเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่วนเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินที่เป็นหนี้ และไม่ได้เป็นเงินที่กู้ยืมมาใช้ส่วนตัว แต่เป็นเงินที่ลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน “ผมไม่ได้หนีไปไหนยังโพสต์เฟซบุ๊กบอกตลอด และผมก็มีหลักฐานในการพูดคุยกัน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นต้องขอโทษพ่อหม่ำและน้องเอ็มผู้จัดงานรวมถึงทางห้างด้วย ที่ทำให้เสียชื่อเสียงจนขยายเป็นวงกว้าง”
นอกจากนั้น จั๊กกะบุ๋ม ยังได้เปิดใจเพิ่มเติมว่า “ก่อนอื่นตนต้องกราบขออภัยเจ้าหนี้ทุกคนที่ตนมีปัญหาเรื่องเงินด้วย ในเรื่องของความคลาดเคลื่อนและล่าช้า เพราะเนื่องจากช่วงนี้ตนประสบปัญหาเรื่องการเงิน แต่ตนก็ไม่ได้นิ่งเฉยก็พยายามหาเงินเพื่อมาใช้หนี้ให้กับทุกคนอยู่ ส่วนป้าคนดังกล่าวตนขอเรียกว่าแม่ก็แล้วกัน โดยรู้จักกับแม่ ก่อนหน้านี้ตามงานแสดงสินค้าต่างๆ และทางแม่ก็ได้ทักเข้ามาหาตนทางเฟซบุ๊ก และทักเข้ามาทางแชทว่าจะขอทำสินค้าให้ เสนอทำสินค้าให้ตน 2 แบบ มีอ่องมันปูและปูนาดอง โดยที่ตนไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมปี 66 แต่จะให้จ่ายเงินเป็นรอบๆ ไป หลังได้รับสินค้าและขายหมดแล้ว

ซึ่งเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นการเข้าใจผิด การสื่อสารอาจจะคลาดเคลื่อน ที่ผ่านมาด้านคุณแม่เอง ก็ไม่เคยแจ้งรายละเอียดข้อมูลราคาสินค้าที่ส่งมาให้ตนเลย อยู่ๆ ก็มาบอกว่าตนติดหนี้ค่าของอยู่เป็นแสนๆ แล้ว ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ตนยังไม่ขอเปิดเผยแล้วกัน และเชื่อว่าเราทั้งสองฝ่ายต่างรู้กันดีอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการคุยกันตลอดทั้งโทรทั้งแชท ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ทางคุณแม่เอง ก็เข้ามาหาตนที่ร้านและได้มีการเจรจากันว่าจะรอให้จบงานวันที่ 2 เม.ย.นี้ก่อน จึงจะจ่ายเงินได้ ส่วนยอดเงิน 284,400 บาทนี้ ตนยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตนติดหนี้แม่ตามยอดนี้หรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นรายละเอียดหรือราคาของที่สั่งไปเลย”
