หลังจากที่ช่อง 3 ได้มีการปล่อยภาพทีเซอร์รายการข่าว ในเรื่องเล่าเช้านี้ และได้พิธีกรที่ใครต่างก็คิดถึงอย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา ทำให้หลายคนต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้กลับมาฟังเสียงทักทายยามเช้า รอดูวันที่ 1 พ.ค.นี้อย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว
ล่าสุด สรยุท ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เผยความรู้สึกแบบหมดเปลือก เรื่องการเข้าเรือนจำ การใช้ชีวิต และยังบอกว่าดีใจที่แฟนข่าวไม่ลืมหน้ากัน ยังรอคอยกีนมาตลอด
“วันที่ผมถูกจำคุก รับโทษตามคำพิพากษา ผมนึกถึงประโยค อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้พูดง่าย แต่ทำยากเหลือเกิน โดยเฉพาะทำใจผมพยายามมองในแง่ดีว่า อย่างน้อยมันก็จบเสียทีวันหนึ่งผมจะได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่”

“ในคุก ผมพยายามใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ทั้งกับเรือนจำ ทั้งกับเพื่อนๆ ผู้ต้องขังแม้กระทั่งกับตัวผมเองเพื่อให้เวลามันผ่านไปได้ในคุกไม่เคยมีความสุขขอแค่ทุกข์พอประมาณก็ดีถมไปแล้ว”
“ผมได้รับมอบหมายให้ทำ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” ให้ความรู้เรื่องโควิด 19 เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกจนนำไปสู่เหตุวุ่นวายผมเสนอทำรายการ “กำลังใจสู่ชาวเรือนจำ” เพราะผมอยากเห็นเพื่อนๆ มีกำลังใจรอวันเวลาออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่และไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำอีกแน่นอนผมต้องให้กำลังใจตัวเองด้วยให้อดทนก้มหน้ารับโทษตามคำพิพากษา”
“กระทั่งผมได้รับการพักการลงโทษตามกฎเกณฑ์ได้ออกมาใช้ชีวิตในโลกภายนอกอีกครั้งผมดีใจที่แฟนข่าวไม่ลืมกันโลกเปลี่ยนไปมาก สังคมข่าวสารก็เปลี่ยนไปเยอะงานข่าวคืออย่างเดียวที่ผมทำเป็นและการทำงานคือชีวิตของผมผมต้องหยุดใช้ชีวิตของผมมานาน ตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ทุกวันตื่นขึ้นมาแล้วไม่ได้ไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็น ทุกข์ที่สุดจริงๆ ครับ”
“วันที่ผมได้รับการพักการลงโทษผมได้รู้ในสิ่งที่ผมเองคาดไม่ถึงจากช่องทางการสื่อสารในโลกยุคใหม่ทุกคนแสดงออกได้ บอกความรู้สึกได้ผมได้รู้ว่ามีแฟนข่าวรอคอยการกลับมากลับมาทำหน้าที่หน้าจออีกครั้งหลายคนรับผมเป็นคนในครอบครัวจริงๆ หลายคนบอกว่าดูผมตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนเรียนจบ ทำงานทำการ มีลูกมีเต้าคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายมากมายที่ลูกๆ หลานๆ ออกมาบอกว่าท่านรออยู่นะ”
“วันแรกที่ผมเดินเข้าคุก ผมไม่ได้ร้องไห้แต่วันแรกที่ผมได้พักการลงโทษ ผมกลับบ้านไปร้องไห้ผมได้อ่านข้อความต่างๆ เสมือนได้พบครอบครัวใหญ่ของผมเสมือนญาติๆ สนิทของผม พากันมารับผมออกจากเรือนจำหลายคนบอกน้ำตาไหล และผมก็น้ำตาไหลพวกเขาน่าจะอยากให้ผมได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กลับไปทำหน้าที่พูดคุยกับพวกเขาทุกเช้าพวกเขาอยากให้ผมกลับไปทำรายการ เป็นคนมานั่งบอกเล่าข่าวให้ฟังทุกๆ วัน บางวันฟังแล้วเขาอาจจะชอบใจ บางวันอาจจะไม่ชอบใจ เหมือนที่เคยเป็นมาเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง เป็นลูกเป็นหลาน เป็นลุงเป็นอา ยามที่เขาทำกิจวัตรตอนเช้าหรือแม้แต่เป็นนาฬิกาปลุก”
“ไม่มีใครรู้ว่ารายการที่ผมกลับมาทำจะประสบความสำเร็จหรือไม่โลกเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไปแต่ผมเชื่อของผมว่า ครอบครัวข่าวของผม แฟนข่าวของผม ยังอยากพบอยากเจอกันความผูกพันที่เกิดขึ้นจากความจริงใจต่อกันมายาวนานวันนี้ ผมอยากจะกลับมาทักทาย พูดคุย เล่าเรื่อง อยากจะร่วมทุกข์ร่วมสุขอย่างที่เคยเป็นมา ขอบคุณที่ติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอมาครับ”