ดราม่าวงการหนังไทย กลับมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง จนเกิดแฮชแท็ก #แบนสุพรรณหงส์ เป็นกระแสร้อนแรงบนโลกโซเชียล
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึง และจับตามองอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เกิดกระแสร้อนบนทวิตเตอร์ ผุดแฮชแท็ก #แบนสุพรรณหงส์ ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่ง ขณะที่คนในวงการภาพยนตร์ ต่างพร้อมใจกัน ขอถอนตัวจากการเข้าชิง รางวัลสุพรรณหงส์ ในปีนี้ ซึ่งดราม่าดังกล่าว มาจากประเด็นที่ สมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ ออกกฎกติกาใหม่ เกี่ยวกับคุณสมบัติของภาพยนตร์ ที่จะได้รับการพิจารณาเข้าชิงรางวัล มาดูกันว่าตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ผ่านมา วงการภาพยนตร์ไทย ต้องประสบกับวิกฤต ที่ทำให้เกิดดราม่าอย่างไรบ้าง

ดราม่า #แบนสุพรรณหงส์
กติกาใหม่ของการเข้าชิงรางวัล สุพรรณหงส์ ที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ คือ ภาพยนตร์ที่เข้าชิง จะต้องฉายในโรงภาพยนตร์ ฉายผ่านสตรีมมิ่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องฉายในโรงครบทั้ง 5 ภูมิภาค อย่างน้อยใน 5 จังหวัดใหญ่ และต้องมียอดผู้ชมไม่ต่ำกว่า 50,000 คน ส่งผลให้ มีหนังหลายเรื่อง ไม่ผ่านเกณฑ์ ของสมาพันธ์ฯ
หลายคนมองว่าเป็นการกีดกันคนทำหนัง ตัวเล็กๆ หวั่นถึงการเติบโตของ อุตสาหกรรมหนังไทย งานนี้เหล่าคนทำหนังทั้งใหญ่-เล็ก รวมถึงบรรดานักแสดง พร้อมใจพากันออกมาแสดงจุดยืน และประกาศถอนตัว จากการถูกเสนอชื่อเข้าชิงสุพรรณหงส์ปีนี้ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาใหม่
วิกฤตวงการหนังไทย
เรียกว่าตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นมา ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่อง ต้องเจอกับปัญหามากมาย ยกตัวอย่าง ดราม่าที่มีการพูดถึงอย่างมาก เช่น
วัยอลวน 5 โดนลดรอบฉาย ทั้งที่ยังมีคนดู โดยเริ่มเปิดตัวเข้าฉายเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 แต่ปรากฏว่า ได้รับการจัดรอบฉายเพียง โรงเดียว รอบเดียว และเป็นรอบ 11:00 น เกือบทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถสร้างรายได้ และนำไปสู่การถูกถอดถอนโรงฉาย เหลือเพียง 7 โรงในกรุงเทพ กับรอบฉาย 11 รอบ ทำให้ผู้กำกับ ไพโรจน์ สังวริบุตร ต้องออกมาระบายความในใจผ่านโซเชียล หลังจากนั้นจึงได้เกิดกระแสเหมารอบดูหนัง เป็นแรงสนับสนุนจากหลายฝ่ายด้วยกัน

ขุนพันธ์ 3 โดนลดโรงและรอบฉาย เรื่องนี้บานปลาย ถึงขั้นต้องเขียน จดหมายเปิดผนึก กันเลย ซึ่งสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ได้เปิดจดหมายถึงผู้กุมธุรกิจโรงหนัง โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม และด้านผู้กำกับ โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ ก็ได้โพสต์ตัดพ้อ ล่าสุดมีการรายงานถึงวันที่ 26 มีนาคม 2566 รายได้ของ ขุนพันธ์ 3 ที่ฉายไป 26 วันนั้น มีรายได้พุ่งสูงถึง 93.6 ล้านบาท เรียกว่า 100 ล้าน ไม่ไกลเกินเอื้อม

หุ่นพยนต์ ได้เรต ฉ 20- เพราะมีเนื้อหาที่พาดพิงศาสนา เจอกับปัญหาไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ เนื่องจากมีเนื้อหา สร้างความเสื่อมเสียต่อศาสนา เกิดเป็นดราม่าร้อนแรงขึ้นทันที แถมผู้กำกับ ไมค์ ภณฤต โชติกฤษฎาโสภณ ยังออกมาโพสต์ ตัดพ้อถึงประเด็นดังกล่าว จนล่าสุดตัดสินใจส่งให้ สำนักงานพิจารณาภาพยนตร์ ตรวจอีกครั้ง และได้บทสรุปคือ ภาพยนตร์จะฉาย 2 เวอร์ชัน หุ่นพยนต์ เป็นเวอร์ชันที่ได้เรต ฉ 20- เป็นตัวที่ฉายในรอบสื่อ และจะต้องมีการตรวจ บัตรประชาชนก่อนเข้าโรง อีกเวอร์ชัน เปลี่ยนชื่อเป็น ปลุกพยนต์ ที่ได้เรต น 18+ ไม่มีการตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้าโรง และมีบางฉาก ที่อาจถูกตัดทอนไป
คงต้องรอดูกันต่อไปว่า เส้นทางอนาคตของ วงการภาพยนตร์ไทย จะมีการเปลี่ยนแปลง อย่างที่หลายคนตั้งความหวังไว้หรือไม่ และจะทำอย่างไร
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY