ฟ้าใส ปวีณสุดา มีผู้จัดการคนเดียวกับ มิน พีชญา ยอมรับช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจออีกฝ่าย พร้อมเผยว่า เรื่องงานตอนนี้กังวล และกลัวมาก
หลังจากที่ทางนักแสดงชื่อดัง มิน พีชญา ได้มีชื่อเอี่ยวปมธุรกิจ ดิไอคอนกรุ๊ป ตอนนี้เจ้าตัวก็ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ร่วมฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนที่เธอจะถูกออกหมายจับ เธอได้พาผู้จัดการส่วนตัว พร้อมทนาย ออกมาชี้แจงว่า เธอนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงาน เป็นเพียงพรีเซนเตอร์ ที่ได้รับค่าจ้างการทำงานทั่วไป ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากยอดขาย
ซึ่งเธอได้รับการติดต่อจากบริษัทนี้ผ่านทางผู้จัดการส่วนตัว ว่าอยากให้เธอไปเป็นพรีเซนเตอร์ และต่อมา มิน ก็ได้เข้าไปพบ บอสพอล และอีกฝ่ายก็อยากให้เธอเป็นมากกว่าพรีเซนเตอร์ โดยเป็นตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ก่อนที่ มิน กลับไปคิดทบทวน 2-3 เดือน ในระหว่างนั้น บอสพอล ก็มีการโทรมาถามตลอด จึงได้ปรึกษากับผู้จัดการส่วนตัวจนได้ตกลงว่า จะลองร่วมงานดูสัก 1 ปี

ฟ้าใส เผยตอนนี้กังวัลเรื่องการรับงานหนักมาก ?!
ล่าสุดนางงามชื่อดังอย่าง ฟ้าใส ปวีณสุดา ที่มีผู้จัดการส่วนตัวคือ พี่เอส โดยเป็นผู้จัดการคนเดียวกับ มิน พีชญา ซึ่ง ฟ้าใส ก็ได้เผยถึง พี่เอส ว่า “ช่วงนี้ ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยได้เจอพี่เอส แต่ว่าเวลาที่เจอก็จะเป็นช่วงที่เราคุยงานกัน แล้วเวลาที่คุยงานก็คือนั่นแหละค่ะจะคุยเรื่องงานอย่างเดียวไม่ได้คุยเรื่องอื่น ก็ได้แสดงความห่วงใยค่ะ ว่าโอเคหรือเปล่า แต่ว่าหลักๆ ตอนนี้ก็คือจะเน้นในเรื่องของงานก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน ก็เลยเป็นการคุยเรื่องงานมากกว่า ส่วนพี่เอสเขาก็ไม่ได้มีการมาปรึกษาอะไรฟ้าใส”
และช่วงที่หลายจับตาว่า พี่เอส เงียบหายไป ฟ้าใส ก็ได้บอกว่า “ก็อาจจะมีหลายหลายอย่างด้วยค่ะ เพราะว่าพี่เอสเขาก็จะมีในเรื่องของงานออแกไนซ์ด้วย อย่างที่บอกว่าช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอพี่เอส พี่เอสก็ยุ่งอยู่ แต่เวลาเจอก็จะคุยเรื่องงานอย่างเดียว
เจอกันครั้งล่าสุดก็คือวันที่ 16 ที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านั้นก็ประมาณเดือนนึงเลย ตอนเจอตอนนั้นเขาก็เหมือนมีความมุ่งมั่นกับงาน คือพี่เอสเขาเป็นคนโปรเฟสชั่นแนล เขาก็จะไม่เอาเรื่องอื่นมายุ่งเกี่ยวเรื่องงาน”
นอกจากนั้น ฟ้าใส ก็ได้พูดถึงประเด็นเรื่องการรับงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนต์ หรือ พรีเซนเตอร์ เธอเผยว่าปกติ พี่เอส จะเป็นคนคอยสกีนให้ในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายก็เป็นการตัดสินของเธอว่าจะเลือกรับหรือไม่ ? “คือถ้าเป็นงานอีเวนต์ ฟ้าใสก็จะให้พี่เอสเป็นคนสกรีน ถ้าในเรื่องของการเป็นพรีเซนเตอร์หรืออะไรที่เป็นผลิตภัณฑ์เข้ามา พี่เอสเขาก็จะสกรีนในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วการตัดสินใจก็อยู่ที่ฟ้าใสว่าฟ้าใสจะเลือกรับหรือไม่ เพราะว่าฟ้าใสจะซีเรียส ถ้าเกิดสมมุติว่าเราใช้แล้ว เราจะดูว่าผลิตภัณฑ์มันเป็นยังไง ก็จะสกรีนอีกขั้นตอนหนึ่งเลย ในส่วนของพรีเซ็นเตอร์ก็จะมีสกรีนหลายขั้นตอน”

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นค่อยข้างสะเทือนวงการบันเทิง ส่วนตัว ฟ้าใส ยอมรับว่าเธอกังวลมาก “กังวลมาก สำหรับฟ้าใสก็กังวลมาก ถามว่ามันมีพรีเซนเตอร์ที่ติดต่อมาไหมมันก็มี แต่กลายเป็นว่าครั้งนี้เรียกว่ามันเป็นบทเรียนของฟ้าใสด้วย ว่าเราก็ต้องเช็กให้มากกว่านี้ อย่างก่อนหน้านี้เราอาจจะเช็กแค่เรื่องของผลิตภัณฑ์อย่างเดียว ว่ามันดีจริงไหม เพราะว่าสิ่งที่เราพูดไปแล้ว เอฟซีที่รักเราเขาเชื่อมั่นในตัวเรา แล้วทีนี้เราก็ต้องดูให้ลึกกว่านั้นอีกในเรื่องของกระบวนการดำเนินงานเป็นยังไง
เอาจริงๆ คือฟ้าใสกลัวเลย ต้องถามเลยว่าอย.เป็นยังไงนู่นนี่นั่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าแม้เราจะละเอียดแค่ไหนมันก็ยาก เพราะว่าถ้าสมมุติทางบริษัทมีอะไรที่ไม่พูดกับเราทั้งหมด อันนี้มันก็จะตรวจสอบค่อนข้างยาก เพราะว่าฉะนั้นถ้าเราละเอียดแค่ไหนนั้นก็อาจจะไม่มากพอ อันนี้มันก็ทำให้ฟ้าใสกลัวจนแบบว่า เอาจริงๆนะเวลามีใครที่ติดต่อมาช่วงนี้ก็จะบอกว่าเดี๋ยวก่อนนะคะ ตอนนี้กลัวจริงๆ เราจะขอรายละเอียดเยอะเป็นพิเศษ”
