ชานมไข่มุกทำพิษ เสี่ยงถึงชีวิต!! ถ้ากินทุกวัน โรคร้ายอาจถามหา 8 โรคร้าย ที่ซ่อนอยู่ในความอร่อย เบาหวาน ไขมัน…กระดูกพรุน ควรดูแลสุขภาพ
ชานม (หรือที่หลายคนเรียกว่า “ชาไข่มุก”) เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยรสชาติหวานหอมและความเพลิดเพลินจากไข่มุกที่มาพร้อมกับน้ำชาและนมข้น แต่การกินชานมทุกวันอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจดื่มในปริมาณที่มากเกินไป
8 โรคร้าย ชานมไข่มุกทำพิษ เสี่ยงถึงชีวิต!! ถ้ากินทุกวัน โรคร้ายอาจถามหา..

กินชานมไข่มุกทุกวันจะส่งผลต่อร่างกายยังไงบ้าง อาจเกิดโรคร้ายแรงกว่าที่คุณคิด!
1. การเพิ่มน้ำตาลในร่างกาย
หนึ่งในส่วนประกอบหลักของชานมคือ “น้ำตาล” ซึ่งมักจะมีปริมาณสูงในเครื่องดื่มประเภทนี้ โดยเฉพาะในชานมที่เติมนมข้นหวานหรือน้ำเชื่อม เมื่อดื่มชานมทุกวัน ร่างกายจะได้รับน้ำตาลในปริมาณมาก ซึ่งหากรับประทานน้ำตาลเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และอาจทำให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกายได้
2. ผลกระทบต่อสุขภาพฟัน
ชานมที่มีน้ำตาลสูงอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพฟันได้ เนื่องจากน้ำตาลเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมของคราบพลัคและกรดที่สามารถทำลายเคลือบฟันและนำไปสู่การเกิดฟันผุได้ ดังนั้น การดื่มชานมบ่อยๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาฟันผุ
3. การสะสมไขมันและปัญหาน้ำหนัก
ชานมที่มีนมข้นหวานและไข่มุกนั้นมักมีปริมาณแคลอรีสูง ซึ่งอาจทำให้การควบคุมน้ำหนักยากขึ้น หากดื่มบ่อยเกินไปและไม่ควบคุมปริมาณแคลอรีที่ได้รับในแต่ละวัน อาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกายและมีน้ำหนักเกินได้
4. คาเฟอีนในชา
แม้ว่าชานมจะมีส่วนผสมของชาที่มีคาเฟอีน แต่การดื่มชานมทุกวันอาจทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่สูงเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หรือแม้แต่กระตุ้นให้เกิดอาการวิตกกังวลได้ โดยเฉพาะหากดื่มชานมในช่วงบ่ายหรือตอนเย็น
5. การขาดสารอาหารที่จำเป็น
แม้ว่าชานมจะมีสารอาหารจากนม แต่ยังไม่สามารถทดแทนการรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนได้ หากทานชานมเป็นประจำแทนอาหารมื้อหลักหรือเป็นส่วนสำคัญในมื้ออาหาร อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกาย
การดื่มชานมทุกวันโดยไม่ควบคุมปริมาณน้ำตาลหรือแคลอรีอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายชนิดที่มีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนี้:
1. โรคเบาหวาน (Type 2 Diabetes)
การบริโภคน้ำตาลในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่องสามารถทำให้ร่างกายต้านทานต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อร่างกายไม่สามารถใช้หรือเก็บน้ำตาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นจนกลายเป็นโรคเบาหวาน
2. โรคหัวใจและหลอดเลือด
การบริโภคน้ำตาลและไขมันทรานส์ในปริมาณสูงจากชานม (โดยเฉพาะจากไข่มุกและนมข้นหวาน) อาจเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือโรคหัวใจขาดเลือด
3. โรคอ้วน (Obesity)
ชานมที่มีแคลอรีสูงและน้ำตาลมากสามารถทำให้ร่างกายสะสมไขมันได้ หากทานเป็นประจำโดยไม่คำนึงถึงการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย อาจทำให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลายชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิด
4. โรคฟันผุ (Tooth Decay)
น้ำตาลในชานมเป็นแหล่งอาหารให้กับแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะผลิตกรดที่ทำลายเคลือบฟันและทำให้เกิดฟันผุ การดื่มชานมบ่อยๆ โดยไม่แปรงฟันหรือดูแลช่องปากอย่างถูกต้อง อาจทำให้ฟันผุและปัญหาสุขภาพฟันอื่นๆ ตามมา
5. โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้กระดูกไม่แข็งแรงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะหากไม่มีการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพียงพอในแต่ละวัน
6. ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension)
การทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูงและน้ำตาลมากสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงในระยะยาว
7. โรคตับไขมัน (Fatty Liver Disease)
น้ำตาลฟรุคโตสที่พบในเครื่องดื่มหวาน เช่น ชานม สามารถถูกเปลี่ยนเป็นไขมันในตับ ซึ่งหากรับประทานมากเกินไปโดยไม่มีการเผาผลาญพลังงาน อาจนำไปสู่โรคตับไขมัน (Non-alcoholic fatty liver disease) ซึ่งสามารถทำให้เกิดการอักเสบของตับและมีผลเสียต่อการทำงานของตับในระยะยาว
8. ปัญหาทางเดินอาหาร
การดื่มชานมที่มีนมข้นหวานหรือครีมที่มีไขมันสูงอาจทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน หรืออาการท้องอืด การดื่มชานมอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายในช่องท้อง
สรุป
การดื่มชานมทุกวันโดยไม่ควบคุมปริมาณน้ำตาลและแคลอรี อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, โรคอ้วน, ฟันผุ, กระดูกพรุน, ความดันโลหิตสูง, โรคตับไขมัน และปัญหาทางเดินอาหาร ดังนั้น ควรดื่มชานมในปริมาณที่พอเหมาะและดูแลสุขภาพอย่างรอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหล่านี้