ไม่อยากป่วย ต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น รวมมาให้แล้ว! 9 วัคซีน ที่ต้องฉีด มีอะไรบ้างในแต่ละปี เคยฉีดแล้วต้องฉีดกระตุ้น ลดความรุนแรงของโรค
วัคซีนเป็นสิ่งที่หลายๆ คนออาจจะมองข้าม อาจจะยังไม่เห็นความสำคัญของ การฉีดวัคซีน แต่ขอบอกเลยว่าไปฉีดจะดีกว่า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเราจะป่วยเหมือนไหร่ ตอนไหน ซึ่งถ้าเราได้รับภูมิคุ้มกันของวัคซีนมาก่อนจะทำให้ความรุนแรงของโรคลดลงหรือป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนได้นั้นเอง ซึ่งจะมีวัคซีนทั้งหมด 9 ตัวที่เราควรฉีดกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง จะมีอะไรบ้างมาดูเลย

9 วัคซีน ที่ต้องฉีดกระตุ้น
วัคซีนตับอักเสบบี
โดยปกติทารกควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีครั้งแรกเมื่อแรกเกิด และจะต้องฉีดวัคซีนจนครบชุดเมื่ออายุครบ 6 เดือน
- แต่สำหรับวัยรุ่นที่ไม่เคยได้รับวัคซีนนี้มาก่อน ควรฉีดวัคซีนโดยแนะนำให้ฉีด 3 เข็ม ระยะห่าง 0 , 1 และ 6 เดือนตามลำดับ โดยวัคซีนเข็มที่สองไม่ควรฉีดก่อน 1 เดือน หากเลยกำหนด 1 เดือนให้ฉีดเข็มที่สองทันทีที่นึกได้ และนับต่อไปอีก 5 เดือนสำหรับเข็มที่สาม
- กรณีได้รับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีไม่ครบตามกำหนด (ไม่ครบ 3 เข็ม) ควรฉีดวัคซีนต่อโดยเร็วที่สุด
วัคซีนหัด หัดเยอรมัน คางทูม
ปกติจะฉีดเข็มแรกเมื่ออายุ 9 เดือน และเข็มที่ 2 เมื่ออายุ 1 ปี 6 เดือน
- สำหรับวัยรุ่นที่ไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ ควรได้รับวัคซีน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ แต่หากเคยได้รับมาแล้ว 1 เข็มควรฉีดเพิ่มอีก 1 เข็ม
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาในผู้ที่แพ้ยานีโอมัยซิน เจลาติน หรือเคยมีปฏิกิริยากับวัคซีน MMR อย่างรุนแรง
วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี
- ยุงรำคาญเป็นพาหะนำโรค จะแพร่เชื้อไวรัสในตัวยุงไปยังคนหรือสัตว์ที่ถูกกัด
- สำหรับวัยรุ่นที่ไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ ควรรับวัคซีน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 3-12 เดือน ขึ้นกับชนิดของวัคซีน อาจต้องฉีดกระตุ้นทุก ๆ 4-5 ปี เพื่อให้ภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับสูงพอที่จะป้องกันโรคได้
วัคซีนตับอักเสบเอ
- ไวรัสตับอักเสบเอติดต่อทางการกิน ก่อให้เกิดโรคตับอักเสบและตับวายเฉียบพลันได้
- ปัจจุบันมีวัคซีนตับอักเสบเอชนิดฉีด 1 เข็ม เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น และวัคซีนฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน
วัคซีนอีสุกอีใส
- โรคอีสุกอีใสในวัยรุ่นมีความรุนแรงสูง ควรฉีดวัคซีนนี้ในวัยรุ่นทุกคนที่ยังไม่เป็นโรคและไม่เคยฉีดวัคซีน
- ฉีด 2 เข็มห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน แนะนำในผู้ที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 13 ปีขึ้นไป ให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 28 วัน
วัคซีนโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดไร้เซลล์
- แนะนำให้กระตุ้นเมื่ออายุ 11-12 ปี และหลังจากนั้นกระตุ้นด้วยวัคซีนโรคคอตีบ-บาดทะยัก ทุก 10 ปี
- หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับวัคซีนบาดทะยัก คอตีบ ไอกรน ที่อายุครรภ์ 27-36 สัปดาห์ในทุกการตั้งครรภ์
วัคซีนเอชพีวี
- ป้องกันการเกิดหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอดและทวารหนัก
- วัคซีนมีหลายชนิด คือ วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ 4 สายพันธุ์ และ 9 สายพันธุ์
- แนะนำฉีดในวัยรุ่น อายุ 9-26 ปี ฉีด 3 เข็ม และในวัยรุ่นแข็งแรงดี หากเข็มแรกฉีดก่อนอายุ 15 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม
- ประสิทธิภาพของวัคซีนจะสูงในผู้ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
วัคซีนไข้หวัดใหญ่
- วัคซีนมี 2 ชนิด คือ วัคซีนชนิด 3 และ 4 สายพันธุ์
- แนะนำฉีดวัคซีนในวัยรุ่นทุกปี ปีละ 1 เข็ม เนื่องจากสายพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงทุกปี
- ห้ามให้ในผู้ที่แพ้ยา/แพ้วัคซีน หรือส่วนประกอบของวัคซีนนี้ โดยเฉพาะผู้ที่แพ้ไข่ โปรตีนจากไก่ ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในกระบวนการผลิตวัคซีน เช่น ยานีโอมัยซิน (Neomycin) และยาโพลีมัยซิน (Polymyxin)
วัคซีนไข้เลือดออก
- ฉีดได้ในผู้มีอายุ 9-45 ปี ฉีด 3 เข็ม แต่ละเข็มฉีดห่างกัน 6 เดือน สามารถสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันไข้เลือดออกได้ 5-6 ปี นับจากวันที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก
- แนะนำฉีดในผู้ที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อนและผู้อาศัยในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก สำหรับผู้ไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกควรตรวจเลือดก่อนการฉีดวัคซีน
หลังได้รับวัคซีนอาจพบอาการข้างเคียง 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
- อาการทั่วไป เช่น อาการไข้ อ่อนเพลีย ผื่น เป็นต้น
- อาการเฉพาะที่ เช่นอาการปวด บวมแดง เจ็บ คันบริเวณที่ฉีด
สามารถบรรเทาได้โดยประคบเย็นบริเวณที่บวม ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาลง หรืออาจทานยาแก้ปวดลดไข้ร่วมด้วย การรับวัคซีนแต่ละชนิดมีข้อบ่งใช้ ระยะเวลา รูปแบบการฉีด และข้อจำกัดของแต่ละบุคคลแตกต่างกันออกไป จึงควรได้รับการพิจารณาจากแพทย์ถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยก่อนทุกครั้ง

แหล่งที่มา อาหารและยา
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY