คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พามาไขข้อสงสัย จริงหรือไม่! การรับประทาน ไข่ทำให้แผลเป็นนูน แผลนูนไม่สวย แผลหายช้า
หลายคนคงเคยได้ยินมาบ่อยๆ ว่า หลังผ่าตัด, เป็นแผล หรือ เจาะหูใหม่ๆ ห้าม! กินไข่นะ จะทำให้แผลนูนไม่สวย-หายช้า ขอบอกเลยว่าความเชื่อนี้ “ไม่เป็นความจริงเลย” เพราะในไข่ไก่นั้น มีโปรตีนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ ไม่มีผลเสียใดๆ ต่อร่างกาย และยังช่วยให้แผลหายเร็วอีกด้วย

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การรับประทานไข่ไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดแผลเป็นนูน โดยระหว่างเกิดบาดแผลจะสามารถรับประทานไข่ได้ในปริมาณที่เหมาะสม
โดยแผลเป็นนูนมี 2 ชนิด คือ
1. แผลเป็นนูนเกิน ที่แผลจะนูนขึ้นมาแต่ไม่ขยายเกินขอบเขตของบาดแผล เมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถกลับมาใกล้เคียงกับแผลเป็นปกติได้ภายใน 1 ปี ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
2. แผลเป็นคีลอยด์ จะเป็นแผลจะนูนขึ้นมา และขยายเกินขอบเขตของบาดแผลเกิดเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผลจะนูนและใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลา ซึ่งแผลเป็นชนิดนี้มีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อ และคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมบาดแผลมากเกินไป อีกทั้งพันธุกรรมก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดแผลเป็นคีลอยด์เช่นกัน
วิธีรักษารอยแผล
- ผ่าตัด ใช้สเตียรอยด์แบบฉีด ซึ่งวิธีเหล่านี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
- ใช้แผ่นแปะลดรอยแผลเป็นได้แก่ แผ่นซิลิโคน (Silicone) ใช้หลังเกิดแผลสดหายดีแล้ว โดยปิดแผลเป็นตลอด 24 ชั่วโมงนาน 3 เดือน
- แผ่นเทปเหนียว (Microporous) ใช้ปิดลงบนแผลเป็น โดยอุปกรณ์ทั้งสองชนิดนี้จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ สามารถซื้อและขอรับคำปรึกษาในการใช้แผ่นแปะลดรอยแผลเป็นจากเภสัชกรได้ตามร้ายขายยาทั่วไป
- แนะนำให้เลือกซื้อแผ่นแปะที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ดูเลขที่ใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ก่อนซื้อทุกครั้ง
- การดูแลแผลอย่างถูกวิธีจะช่วยลดการขยายตัวและการนูนตัวของแผลเป็นได้ และสามารถลดการขยายตัว และการนูนของแผลเป็นโดยการนวดบริเวณแผลเป็นเป็นประจำในระหว่าง 6 เดือนแรก
แหล่งที่มา ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY