ไขข้อสงสัย! ผมร่วง เกิดจากหลายสาเหตุ แบบนี้ปกติไหม กี่เส้นถึงแปลว่าเยอะ? แล้วเมื่อไหร่ถึงแปลว่ามีปัญหา วงจรของผมเป็นยังไงบ้าง
เส้นผม และ หนังศีรษะ เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่สร้างความสวยงามดึงดูดให้กับผู้เป็นเจ้าของ และแน่นอนว่าปัญหาผมร่วงต้องเกิดขึ้นกับทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของเส้นผม ยิ่งกับคนที่ไว้ผมยาว ยิ่งเห็นปัญหาชัดเจน บางคนถึงกับกังวลว่านี่ผมเราร่วงเยอะมากเกินไปหรือไม่ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะมากขึ้น การมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคเส้นผมและหนังศีรษะเบื้องต้นจึงมีความสำคัญ

วงจรการเจริญของเส้นผม
วงจรการเจริญงอกงามของเส้นผมบนหนังศีรษะ แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
- ระยะเจริญงอกงาม
- ระยะพัก
- ระยะเปลี่ยนสภาพ
แต่ละช่วงใช้เวลาต่างกัน โดยระยะเจริญงอกยาวของเส้นผมในสภาวะปกติ เส้นผมคนเราสามารถหลุดร่วงได้มากถึงวันละ 120 – 160 เส้น หากมากกว่านี้หรือร่วมกับมีอาการผิดปกติของหนังศีรษะ เช่น คัน แสบ แดง มีสะเก็ด หรือเป็นหนองพุพองถือว่าเป็นภาวะผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ
สาเหตุผมร่วง ผมบาง
ความเจ็บป่วยทางกาย
- ส่วนมากมีสาเหตุมาจากโรคต่อมไทรอยด์ (Thyroid Problems) รวมทั้งการเสียสมดุลการทำงานของต่อมไทรอยด์ที่ทำงานเพิ่มมากขึ้นหรือน้อยผิดปกติ
- ภาวะภูมิแพ้อวัยวะภายใน และต่อมามีการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อต้านต่อรากผมเฉพาะที่หรือทั่วร่างกาย
- โรคผิวหนังเดิมของผู้ป่วยสามารถทำให้มีรอยโรค มีการอักเสบที่รบกวนการเติบโตของเส้นผม รวมถึงการติดเชื้อ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย และเชื้อไวรัสของหนังศีรษะ
- การเจ็บป่วยทางกายอื่น ๆ ทั้งที่เรื้อรังและเฉียบพลันสามารถส่งผลรบกวนวงจรการเติบโตของเส้นผม มีผลให้การเติบโตหยุดชะงักและหลุดร่วงในปริมาณมากได้ แต่เมื่อได้รับการรักษาแล้วเส้นผมจะค่อย ๆ ทยอยกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ยา อาหารเสริม วิตามินบางชนิด
- การบริโภคยาบางชนิด เช่น ยาลดไขมันในเส้นเลือด ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของวิตามินสังเคราะห์ ยารักษาโรคมะเร็ง ยากดภูมิคุ้มกัน ยารักษาโรคไขข้อเสื่อม ไขข้ออักเสบ ยาลดความเครียด ยาลดความดันบางชนิด รวมถึงวิตามินเสริมบางชนิดที่บริโภคมากเกินกว่าความต้องการของร่างกาย โดยที่ร่างกายไม่จำเป็นต้องได้รับในปริมาณที่เกินกำหนดจะมีผลไประงับการเจริญเติบโตของรากผม ทำให้เกิดผมร่วงและจะกลับมาเป็นปกติเมื่อหยุดยาและวิตามินเสริมนั้น ๆ
ความเครียดสะสม
การงอกของเส้นผมคนเราอ่อนไหวและไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และสภาวะกายใจ
- ความเครียด หมายรวมถึง ความเครียดทางกาย คือ การบาดเจ็บ อาการเจ็บป่วยรุนแรง หรือเรื้อรัง การออกกำลังกายที่หักโหม การให้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม การย้อม ดัด ยืดด้วยสารเคมี และการจัดแต่งทรงผมที่ดึงรั้ง ได้แก่ การมัดผมรวบตึง การถักผมเปียถาวร รวมถึงการเดินทางไกล ย้ายถิ่นฐาน เหล่านี้ถือเป็นปัจจัยทางกายทั้งสิ้น
- ความเครียดทางใจ ความวิตกกังวล นับเป็นเหตุสำคัญที่มักทำให้เกิดผมร่วงเรื้อรังตามมา ยากแก่การแก้ไข บางรายดึงถอนผมบนศีรษะโดยไม่รู้ตัว มักพบในเด็กและวัยรุ่นที่มีภาวะเครียด จนทำให้เป็นแผลติดเชื้อ หนังศีรษะถูกทำลาย และถูกแทนที่ด้วยพังผืด แผลเป็น นำไปสู่การสูญเสียรากผมแบบถาวรได้ ผู้ป่วยบางรายมีความเครียดสะสมต่อเนื่อง ทำให้มีอาการผมร่วงติดต่อกันเป็นเวลานาน ยากแก่การแก้ไข จำเป็นต้องรับการปรึกษาทั้งจากแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมและหนังศีรษะและจากจิตแพทย์ร่วมด้วย
ภาวะโภชนาการบกพร่อง
- คนที่มีความกังวลเกี่ยวกับรูปร่าง ลดน้ำหนักตัวผิดวิธี น้ำหนักตัวลดลงมากในช่วงเวลาสั้น ๆ บางคนมากจนมีภาวะขาดสารอาหาร ยิ่งเสริมให้เส้นผมเปราะหักง่ายและดูบางลงเช่นกัน
- ธาตุเหล็กนั้นมีความจำเป็นต่อการเจริญของเส้นผม ธาตุเหล็กพบได้ในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไข่ นม ผักใบเขียว เมล็ดพันธ์ุพืชบางชนิด ผู้ป่วยที่ขาดธาตุเหล็กนอกจากผมร่วงแล้วอาจมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น อ่อนเพลีย เล็บเปราะบาง ลิ้นแดงเลี่ยนแสบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุสำคัญอื่น ๆ ที่ส่งเสริมภาวะผมร่วงจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาได้ทันท่วงทีต่อไป
พันธุกรรม
- นับเป็นปัญหาสำคัญ ปัจจุบันพบว่ามีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ทำให้เส้นผมเล็ก บางลง เมื่อเจริญวัยขึ้นการถ่ายทอดนี้เป็นพันธุกรรมเด่น มักพบมีประวัติญาติสายตรง บิดา มารดา พี่น้อง มีภาวะผมบาง ศีรษะล้าน โดยในเพศชายพบอุบัติการณ์ 50% และเพศหญิงพบได้ถึง 70% เมื่อย่างเข้าอายุปีที่ 50
- กลไกการเกิดผมบาง ศีรษะล้านจากพันธุกรรมนี้เกิดจากมีฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) เป็นตัวการหลักที่ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่มีขนาดเล็กลง เมื่อเวลาผ่านไปเส้นผมที่เล็กลงจะไม่สามารถปกปิดหนังศีรษะได้ดังเดิม
- ไม่มีความจำเป็นต้องกังวล หากท่านมีปัจจัยเสริมทางพันธุกรรม
ซึ่งถ้าหากใครอ่านแล้วพบว่าผมเราร่วงเยอะจนผิดปกติมากกว่า 100 เส้น ต้องมาหาสาเหตุที่ทำให้ผมร่วง และลองหลีกเลี่ยงสาเหตุนั้นพร้อมสังเกตว่าผมร่วงลดลงหรือไม่ ถ้าหากยังไม่ลดลงแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์และรับการรักษาอย่างถูกวิธี
แหล่งที่มา bangkokhospital
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY