กล้วย ผลไม้ให้ประโยชน์ทางร่างกายสูง มีประโยชน์อะไร? ควรกินตอนไหน ดิบ – ห่าม – สุก – งอม วันนี้มีคำตอบ!
กล้วย อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆ ที่ร่างกายควรได้รับและให้พลังงานมาก โดยการบริโภคกล้วยน้ำว้าในแบบต่างๆ จะให้ประโยชน์แตกต่างกัน ไม่ว่าจะ ดิบ – ห่าม – สุก – งอม ก็สามารถทานได้ จะมีประโยชน์ในทางใด และควรกินตอนไหน ไปดูกันเลย!

กล้วยน้ำว้าดิบ
- ช่วยแก้โรคกระเพาะอาหารได้ดี เนื่องจากมีสารแทนนิน (Tannin) ซึ่งมีฤทธิ์ในการเคลือบกระเพาะอาหารและลำไส้ ป้องกันการติดเชื้อ กล้วยดิบไม่สามารถรับประทานสดได้ วิธีรับประทานให้นำกล้วยมาฝานเป็นแว่นๆ แล้วอบด้วยความร้อนต่ำไม่เกิน 50 องศาเซลเซียส จนแห้ง จากนั้นนำมาบดเป็นผง รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
กล้วยน้ำว้าห่าม
- หรือกล้วยกึ่งดิบกึ่งสุก สามารถรับประทานสดได้ รสชาติไม่หวานจัด ช่วยแก้ท้องเสีย เนื่องจากมีปริมาณโพแทสเซียมสูง หากผู้ที่มีอาการท้องเสียรับประทานกล้วยห่าม สามารถช่วยชดเชยโพแทสเซียมให้กับร่างกาย และทำให้อาการท้องเสียบรรเทาลง
กล้วยน้ำว้าสุก
- มีรสชาติอร่อย ผู้บริโภคนิยมรับประทาน ช่วยแก้ท้องผูก เนื่องจากมีสารเพคติน (Pectin) ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้อยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร และยังมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก (Prebiotic) ตามธรรมชาติ สามารถช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
กล้วยน้ำว้างอม
- กล้วยมีสีเหลืองเข้มคล้ำๆ เนื้อกล้วยค่อนข้างเละ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมนำมารับประทาน แต่ในทางกลับกันกล้วยงอมกลับมีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ต้านโรคมะเร็ง ทำให้มีปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกล้วยที่มีจุดดำมากๆ ก็จะยิ่งมีสารเสริมภูมิต้านทานมากด้วย

ทานกล้วยบรรเทาโรค
การทานกล้วยน้ำว้า นอกจากจะให้คุณประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบรรเทารักษาโรคต่างๆ ได้อีกมากมาย คือ
- โรคโลหิตจาง กล้วยน้ำว้ามีธาตุเหล็กสูง ซึ่งเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง
- โรคความดันโลหิตสูง ในกล้วยมีปริมาณโพแทสเซียมสูง และมีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ดี
- โรคเบาหวานและช่วยควบคุมน้ำหนัก กล้วยน้ำว้าสามารถป้องกันการเป็นโรคเบาหวานและควบคุมน้ำหนักได้ เมื่อรับประทานในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจากกล้วยน้ำว้า 1 ผล มีน้ำตาลประมาณ 3-5 กรัม และหากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะจะทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักได้
- ความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า การกินกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้าได้
- แก้ผื่นคัน เด็กที่ผิวหนังเป็นตุ่มคันจากยุงกัด มดกัด หรือเป็นผื่นคันเนื่องจากลมพิษ สามารถใช้เปลือกกล้วยน้ำว้าสุกด้านในทาบริเวณนั้นประมาณครึ่งนาที อาการคันจะลดลง และเปลือกกล้วยยังมีฤทธิ์ในการต้าน เชื้อราและแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองได้
- แก้เจ็บคอ เจ็บหน้าอก กล้วยน้ำว้าช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ หรืออาการเจ็บหน้าอกจากการไอแห้งๆได้ โดยรับประทานกล้วยวันละ 5-6 ผล จะช่วยให้อาการระคายเคืองลดน้อยลง
- ลดความเครียด กล้วยน้ำว้ามีโพแทสเซียมซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ การส่งออกซิเจนไปยังสมอง และปรับสมดุลน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย เวลาเกิดอารมณ์เครียด อัตรา Metabolic ในร่างกายจะสูงขึ้น และทำให้ระดับโพแทสเซียมลดลง แต่เมื่อรับประทานกล้วยน้ำว้าจะช่วยให้เกิดความสมดุล อีกทั้งกล้วยน้ำว้ายังมีสารทริปโตเฟน (Tryptophan) ที่เป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเมื่อหลั่งออกมาจะทำให้มีความสุข