ป้าแดง อดีตข้าราชการครู-ล่ามจิตอาสาวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เปิดใจทั้งน้ำตาซาบซึ้งและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใด
ภายหลังจากสำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแจกันดอกไม้ และลงนามถวายพระพรเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในช่วงที่ผ่านมา โดยขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน และทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่เหล่าพสกนิกรชาวไทย
ทั้งนี้หากใครที่ได้ติดตามช่วงข่าวในพระราชสำนักที่มีการรายงานพระอาการประชวรของทั้งสองพระองค์จะต้องเห็นภาพสุภาพสตรีสูงวัยท่านหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย นำแจกันใส่ดอกไม้มาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเกือบทุกวัน ด้วยกิริยามารยาทที่งดงามจนทำให้หลายๆท่านที่เห็นก็คงจะสงสัยว่าสุภาพสตรีสูงวัยท่านนี้คือใคร
ล่าสุดทีมข่าวไบรท์ทูเดย์ ได้เดินทางไปพบกับสุภาพสตรีสูงวัยท่านนี้ เธอชื่อว่านางสาวมานิดา ภู่เจริญ หรือป้าแดง อายุ 79 ปี อดีตข้าราชการครูบำนาญ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันเป็นล่ามจิตอาสา(ภาษาอังกฤษ) ที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
โดยป้าแดง เปิดใจกับทีมข่าวไบรท์ทูเดย์ ทั้งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรไทยมาอย่างยาวนาน “การนำแจกันใส่ดอกไม้ไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายนั้น เป็นสิ่งเล็กน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อพสกนิกรไทย”
ป้าแดง เล่าต่อว่า ในปีพุทธศักราช 2518 เป็นวันที่อยู่ในความทรงจำมาโดยตลอดจวบจนทุกวันนี้ ครั้งนั้นได้มีโอกาสไปเฝ้ารับเสด็จ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ในหลวงรัชกาลที่ 9 และ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ในพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ที่มีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรนั้นกระทำกัน 3 ครั้งในแต่ละปี
ซึ่งในสมัยก่อนพระมหากษัตริย์ทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ในการพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรพระราชทานแก่เจ้านายและขุนนางที่เฝ้าฯ อยู่ภายในพระอุโบสถเท่านั้น แต่ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระมหากรุณาเสด็จฯ มาพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์แก่ประชาชนที่มาคอยเฝ้าฯรับเสด็จรอบๆ พระอุโบสถด้วย โดยพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ในแต่ละปีมีกำหนดเวลา ดังนี้
– วันแรม 1 ค่ำ เดือน 4 เสด็จฯ ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวเป็นฤดูร้อน
– วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เสด็จฯ ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนเป็นฤดูฝน
– วันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 เสด็จฯ ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนเป็นฤดูหนาว
เหตุการณ์ในครั้งนั้นจึงทำให้ป้าแดงได้มีโอกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อย่างใกล้ชิด
ป้าแดง เล่าด้วยตื้นตันว่า ได้เห็นรอยแย้มพระสรวลของล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ และพระสุรเสียงที่ทรงตรัสขอบใจพสกนิกร ที่เปล่งเสียงทรงพระเจริญ ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจเสมอมา
ไม่เพียงเท่านั้นป้าแดงยังระบุด้วยว่าในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระประชวร ป้าแดงจึงรวบรวมความกล้าเปล่งเสียงต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ท่านว่า “อย่าทรงพระประชวรนะเพคะ”
โดยสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงได้ยินจึงตรัสตอบป้าแดงกลับมาว่า “หายแล้ว ไม่ต้องห่วง” พระสุรเสียงของพระองค์ในครั้งนั้นจึงเป็นดังน้ำทิพย์ที่ทรงพระราชทานให้ป้าแดง ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และจะขอจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
เรียบเรียงโดย : ธราวุฒิ ฤทธิอักษร
อ่านข่าว ไบรท์ทีวี
