พ่อถอนแจ้งความแทบไม่ทัน! เด็ก ม.1 ยอมรับ แต่งเรื่องถูกรุ่นพี่ สวมหน้ากากคาบูกิ ใช้มีดฟันแขน ไม่คิดว่าจะบานปลาย
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความลงใน กลุ่ม ข่าวด่วนสระบุรี ระบุข้อความว่า “ลูกชายเพิ่งเข้าเรียนชั้น ม.1 รร.ประจำจังหวัดสระบุรี ถูกรุ่นพี่ ม.2 (มีเครื่องหมายที่เสื้อระบุว่าอยู่ ม.2) ใช้มีดฟันเป็นแผลที่แขนยาวประมาณ 4 ชม. เหตุเกิดใน รร.ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และตั้งแต่เปิดเรียนเข้าเป็นนักเรียนใหม่ของ รร.แห่งนี้เข้าสัปดาห์ที่ 2 ลูกชายยังไม่รู้จักใครมากนัก และยังไม่เคยมีเรื่องกับใคร
วันนี้ผมจึงเดินทางไปพบ ผอ.รร.เพื่อให้สืบสวน และหาตัวคนฟันมาลงโทษให้ได้ เพราะนักเรียนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงแบบนี้ เป็นอันตรายต่อนักเรียนคนอื่นและลูกชายอาจโดนอีกก็ได้ ผมสันนิษฐานว่า เด็กที่ก่อเหตุอาจเขม่นหรือไม่ชอบหน้าลูกชาย ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบได้ แต่ที่ยอมรับไม่ได้คือ เด็กที่ก่อเหตุใช้ความรุนแรงกับเพื่อนนักเรียนด้วยกันถึงขนาดใช้อาวุธทำร้าย
โชคดีที่แผลไม่ลึกมาก ถ้าลึกถึงเส้นเลือดใหญ่ หรือโดนอวัยวะส่วนใดฉีกขาด หรือแทง ลูกชายอาจบาดเจ็บมาก หรือเสียชีวิตได้ ผมจะรอดูว่า รร.สืบสวนหาตัวนักเรียนที่ก่อเหตุได้หรือไม่ ซึ่งไม่น่ายาก
ผอ.รร.บอกว่าตั้งแต่เป็น ผอ.มา 4 ปี ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้อันนี้ผมไม่ทราบได้ เพราะเพิ่งเป็นส่วนหนึ่งของ รร.ได้ไม่กี่สัปดาห์ นับตั้งแต่ลูกชายเข้าเป็นนักเรียนของที่นี่ แต่ผมคิดว่า เมื่อเกิดเหตุลักษณะร้ายแรงนี้ขึ้นแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือเสียชื่อเสียงที่จะต้องซุกไว้ แต่เป็นสิ่งบอกเหตุว่าพฤติกรรมของเด็กมีความรุนแรงขึ้น และ รร. จะต้องรับมือ ด้วยความเข้มงวดระมัดระวัง และลงโทษจริงจังครับ
สิ่งหนึ่งที่ผมเสียใจวันนี้ นอกจากลูกชายถูกกระทำแล้ว รร.กลับมาสอบสวนลูกชายว่า มีพฤติกรรมหรือความประพฤติไม่ดีอะไรหรือเปล่า แทนที่จะมุ่งหาตัวคนผิดตัดต้นตอความรุนแรง ลูกชายผมไม่ได้เป็นนักเลง ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับเพื่อนใน รร. ใจดีกับเพื่อนทุกคน อาจจะมีท่าทางกระด้างหรือยียวนบ้าง ก็ตามวิสัยเด็กผู้ชายทั่วไปสมัยนี้ แต่ไม่มีพิษมีภัยหรือทำร้ายใคร”

ต่อมา วันที่ 21 พ.ค. 2567 นายพูลเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี และ นางสุพัสตรา (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี พ่อและแม่ ของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนโรงเรียนชื่อดัง ในจังหวัดสระบุรี ที่ถูกรุ่นพี่ ม.2 ดักฟันหน้าห้องน้ำใน รร. เดินทางมายัง สภ.เมืองสระบุรี เพื่อแจ้งความ และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับ พ.ต.ท.จิระเดช กันทะสาน สว.สส.สภ.เมืองสระบุรี
นายพูลเดช เล่าว่า หลังเกิดเหตุ ตนเดินทางไปยังโรงเรียนเพื่อแจ้งให้ทาง ผอ.รร.ทราบว่าลูกตนเองถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งทางโรงเรียนแจ้งว่า ทางโรงเรียนจะหาตัวผู้ก่อเหตุด้วยวิธีการของทางโรงเรียน ซึ่งตนได้รับคำแนะนำมาว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรง การที่เราจะไปแจ้งที่โรงเรียนอย่างเดียว มันน่าจะไม่เพียงพอ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นคดีอาญา และเป็นเรื่องที่สำคัญ
จากคำบอกเล่าของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) ที่ถูกฟันแขน เล่าว่า หลังตนเองกินข้าวกลางวันเสร็จ ไปรอเพื่อนหน้าห้องน้ำ จากนั้นได้เข้าไปฉี่ เมื่อฉี่เสร็จ ก็มีคนมาสะกิดตน 2 คน พอสะกิดปุ๊บก็ใช้มีดฟันเลย ตนเอาแขนรับไว้ และเมื่อถูกฟันตนมองหาไม้เอามาเพื่อป้องกันตัว จากนั้นรุ่นพี่ทั้ง 2 ก็วิ่งหนี ซึ่งตนทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รู้แต่ว่าเป็นนักเรียน ม.2 แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร โดยคนฟันตนเองสวมหน้ากากคาบูกิ ซึ่งตนเองคิดว่าเป็นคนที่เล่นเกมส์อยู่แล้ว ซึ่งผู้ก่อเหตุจะมีลักษณะ ตัวดำๆ คล้ำๆ ผอมๆ มาถึงก็มาฟันเลย โดยใช้มีดยาวประมาณ 1 ฟุต

โดยตนไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน เนื่องจากเพิ่งเข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้ หลังเกิดเหตุไม่ได้แจ้งไปครู แต่ได้ไปที่บ้านเพื่อน และเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนจึงไปบอกแม่เพื่อน จากนั้นแม่เพื่อนจึงบอกกับแม่ตน ซึ่งแม่ตนมารู้เรื่องในวันที่ 19 พ.ค.ตอนค่ำๆ
ล่าสุด วันที่ 22 พ.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี นำโดย พ.ต.ท.ภัทระ เหล่ามีผล สว.สส.สภ.เมืองสระบุรี ได้เชิญตัวพ่อและแม่ พร้อม ด.ช.วัย 12 ปี มาสอบสวนยังห้องสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี โดยผลการสอบสวน ด.ช.วัย 12 ปียอมรับว่าตนเองเป็นคนกุเรื่องขึ้นมา เพื่อเป็นการหยอกล้อเล่นกับเพื่อนๆ ไม่คิดว่าเกิดเหตุการณ์ใหญ่โตเพียงนี้
หลังจากนั้นพ่อเด็กที่มีการโพสต์ของความผ่าน กลุ่ม Facebook นั้น ก็ได้กลับไปโพสต์ข้อความอีกครั้ง โดยระบุว่า “คำแถลงข้อเท็จจริง และคำขออภัย”
“คำแถลงข้อเท็จจริง และคำขออภัย”
ตามที่ผมได้โพสต์ลงในเพจ ข่าวด่วนสระบุรี ความว่า บุตรชายของผมซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.1 รร.ประจำจังหวัดสระบุรี ถูกรุ่นพี่ ม.2 ทำร้ายโดยใช้มีดฟันที่แขน เหตุเกิดใน รร. และผมได้เดินทางเข้าพบ ผอ.รร. เพื่อให้สืบสวน หาตัวคนผิดมาลงโทษ เพื่อความปลอดภัยของบุตรชายผม และนักเรียนคนอื่นใน รร. เนื่องจากผมเห็นว่าเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
พร้อมกับเรียกร้องให้ รร.เพิ่มมาตรการรับมือกับพฤติกรรมที่รุนแรงขึ้นดังกล่าว ด้วยการเข้มงวด กวดขัน ระมัดระวัง และลงโทษ ซึ่งมีความคิดเห็นเข้ามามากมายในโพสต์ ให้ผมแจ้งความ เพื่อเป็นมาตรการหนึ่งในการหยุดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ต่อมา ทางรอง ผอ.รร.ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้แนะนำให้ผมแจ้งความเช่นกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าไปสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงได้ ซึ่งผมก็เห็นด้วย ดังนั้น ในช่วงเช้าวันนี้ ผมได้เดินทางไปแจ้งความ ณ สถานีตำรวจเมืองสระบุรี เพื่อให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริง
ซึ่งตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบอย่างรวดเร็วทันทีในวันนี้หลังจากที่ผมเข้าแจ้งความ ทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและอื่นๆ ผลปรากฎว่า ไม่พบเหตุการณ์การกระทำผิดดังกล่าวเกิดขึ้นใน รร.แต่อย่างใด
ทำให้ผมทราบว่า เป็นความเข้าใจผิด และความตื่นตระหนก ของผมเอง ที่ฟังข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบให้ถูกต้องและแน่ชัดเสียก่อน โดยฟังข้อมูลและเชื่อว่า บุตรชายถูกทำร้ายใน รร. ทั้งที่ความจริง เป็นการพูดคุยกันเล่นๆระหว่างบุตรชายกับเพื่อนว่าตนเองถูกทำร้ายใน รร. อารมณ์ที่ตกใจ เมื่อเห็นบาดแผลที่แขนของลูก ซึ่งความจริงเกิดจากถูกคมไม้บาด ทำให้ผมคิดว่าลูกถูกทำร้ายจริง จึงเดินทางเข้าพบ ผอ.รร. เพื่อให้เร่งรีบดำเนินการ ขณะเดียวกัน ด้วยเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรง ควรที่บอกล่าวให้ผู้ปกครองคนอื่นได้รับทราบว่า มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น จะได้ให้บุตรหลานระมัดระวัง ซึ่งเป็นเจตนาดีของผม แต่ขาดการรอความชัดเจนของเหตุการณ์เสียก่อน เนื่องจากเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงและควรรีบเร่งเตือน
หลังจากทราบข้อเท็จจริงโดยกระจ่างจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทำงานอย่างรวดเร็ว สืบหาข้อเท็จจริงมาได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ในช่วงเย็นที่ผ่านมาผมจึงได้เดินทางไปถอนแจ้งความ
ผมต้องขอภัยต่อทางเพจ ข่าวด่วนสระบุรี และสมาชิกแฟนเพจ มา ณ ที่นี้ ที่โพสต์ข้อความทำให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ทุกท่าน
และผมต้องขออภัยอย่างสูงต่อ รร. คณะผู้บริหาร และคณะครู ที่ทำให้ รร.ได้รับความเสียหายเสื่อมเสีย โดยผมจะทำหนังสือขออภัยนำไปยัง รร.ในวันเปิดเรียนวันพฤหัสบดีนี้ด้วยตนเอง และพร้อมแสดงความรับผิดชอบต่อทาง รร.ทุกประการ