
ทนายดังกางแผนที่ทางอากาศ 2497 ยันชัด นายทุนรังวัดรุกที่ธรณีสงฆ์และทางสาธารณะ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความชื่อดัง ตัวแทนของวัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยาจ.พระนครศรีอยุธยา นำสื่อมวลชน และชาวบ้าน มาตรวจสอบที่ดินที่มีข้อพิพาท ระหว่างนายทุนกับชาวบ้าน และวัดป้อมรามัญ พร้อมกางแผนที่ที่มีข้อพิพาท ที่ทางนายทุนร่วมกับเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินพระนครศรีอยุธยา


ทำการรังวัดสอบเขตที่ดินหน้าวัดป้อมรามัญ หมู่ 4 ต.สวนพริก แล้วเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินได้ทำการปักหมุดหลักเขตที่ดินลงบนพื้นที่ดิน สค.1 ซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ โดยชาวบ้านได้รวมตัวกันออกมาคัดค้านว่าการรังวัดสอบเขตที่ดินนั้นไม่ชอบ นอกจากจะรุกล้ำที่สาธารณะประโยชน์แล้วยังรุกล้ำที่ดินที่เป็น ( สค.1) เพื่อดำเนินการออกโฉนดทับที่ของวัดป้อมรามัญ ที่ใช้เป็นสิ่งปลูกสร้างศาลาเอนกประสงค์ เพื่อให้ชาวบ้าน แล ะหน่วยงานราชการเข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมกัน แถมมีการฟ้องร้องดำเนินคดีขับไล่เรียกค่าเสียหายและค่าปรับกับทางวัดหากมีการเพิกเฉยอีกด้วย จนทางวัดได้มอบหมายให้นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความ เป็นตัวแทนในการยื่นฟ้อง ดำเนินคดีอาญามาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดิน และนายทุน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จังหวัดสระบุรี มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในการรังวัดที่ดินรุกล้ำที่วัดและที่สาธารณะเอื้อประโยชน์นายทุนต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จังหวัดสระบุรี ได้พิเคราะห์ไต่ส่วน พยานหลายปากว่าคดีดังกล่าวมีมูลความจริงว่าเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินอยุธยา และ นายทุน ได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของวัด 1 ไร่ 1 งานเศษ แล้วทำการังวัดจัดทำเอกสาร ร.ว. 25 จ ตามเอกสารหมาย จ.18 และเอกสานขึ้นรูปแผนที่ ร.ว. 9 ตามเอกสารหมาย จ. 9 ไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง ซึ่งเกิดขึ้นจากการยื่นคำร้องขอรังวัด และชี้นำผู้อื่นให้ร่วมมือด้วย โดยใช้รังวัดแบบคำนวณเนื้อที่ตาม ร.ว. 25 จ และ การขึ้นรูปแผนที่ ร.ว .9 ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ที่กำหนดไว้ในเอกสารระวางที่ดินและตามรูปแบบที่ท้ายโฉนดที่ดินของจำเลยออกทับที่ดินของวัด ที่ครอบครองอยู่ ทำให้วัดได้รับความเสียหาย จึงตัดสินประทับรับฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ประพฤติไม่ชอบ รับไว้พิจารณา


พร้อมกันนี้นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความ ตัวแทนวัดป้อมรามัญ ได้ทำหนังสือเพื่อให้กับทางสำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา “เพื่อให้ดำเนินการมีคำส่งเพิกถอนรูปแผนที่ (ร.ว.9) ที่มิชอบด้วยกฏหมายนั้นเสีย ทั้งนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่วันรับหนังสือ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวท่านยังเพิกเฉย ข้าพเจ้ามีความเสียใจที่จำเป็นจะต้องดำเนินคดีกับท่านตามกฎหมายต่อไป”
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จังหวัดสระบุรี ได้พิเคราะห์ไต่ส่วน พยานหลายปากว่าคดีดังกล่าวมีมูลความจริงว่าเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินอยุธยา และ นายทุน ได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของวัด 1 ไร่ 1 งานเศษ แล้วทำการังวัดจัดทำเอกสาร ร.ว. 25 จ ตามเอกสารหมาย จ.18 และเอกสานขึ้นรูปแผนที่ ร.ว. 9 ตามเอกสารหมาย จ. 9 ไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง ซึ่งเกิดขึ้นจากการยื่นคำร้องขอรังวัด และชี้นำผู้อื่นให้ร่วมมือด้วย โดยใช้รังวัดแบบคำนวณเนื้อที่ตาม ร.ว. 25 จ และ การขึ้นรูปแผนที่ ร.ว .9 ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ที่กำหนดไว้ในเอกสารระวางที่ดินและตามรูปแบบที่ท้ายโฉนดที่ดินของจำเลยออกทับที่ดินของวัด ที่ครอบครองอยู่ ทำให้วัดได้รับความเสียหาย จึงตัดสินประทับรับฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ประพฤติไม่ชอบ รับไว้พิจารณา
พร้อมกันนี้นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความ ตัวแทนวัดป้อมรามัญ ได้ทำหนังสือเพื่อให้กับทางสำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา “เพื่อให้ดำเนินการมีคำส่งเพิกถอนรูปแผนที่ (ร.ว.9) ที่มิชอบด้วยกฏหมายนั้นเสีย ทั้งนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่วันรับหนังสือ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวท่านยังเพิกเฉย ข้าพเจ้ามีความเสียใจที่จำเป็นจะต้องดำเนินคดีกับท่านตามกฎหมายต่อไป”
ซึ่งขัดกับความเป็นจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการรังวัดสอบเขต มีการปักหมุดหลักหมายเขตที่ดิน หรือหมุดหลักฐานการแผนที่ เป็นหลักฐานอ้างอิงและกำหนดระดับความถูกต้องทางตำแหน่งของแปลงที่ดินในระวางแผนที่ เป็นหมุดที่ใช้สำหรับการรังวัดเพื่อเตรียมพร้อมที่จะออกโฉนดที่ดินให้กับคู่กรณี (นายทุน) กับ วัด แม้จะมีการคัดค้าน และ มีการยื่นหนังสือให้มีการเพิกถอนต่อเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด ซึ่งมีเจตนาชัดเจนที่จะครอบครองพื้นที่ผืนนี้โดยใช้หลักหมายเขตที่ดิน หรือหมุดหลักฐานการแผนที่ ปักไว้ โดยจะอ้างว่าเป็นการปักหมุดไว้เพื่อจำลองรูปแผนที่นั้นฟังไม่ขึ้น เพราะหมายเขตที่ดิน หรือหมุดหลักฐานการแผนที่ เป็นสิ่งของหลักฐานทางราชการมีหมายเลขกำกับไว้ ต้องมีการทำเรื่องขอเบิกกับที่ดินมีหนังสือกำกับ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดนอกจากพนักงานเจ้าหน้าที่ทำลาย ดัดแปลง เคลื่อนย้าย ถอดถอนหลักหมายเขตหรือหมุดหลักฐานดังที่กล่าว ย่อมมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำตามมาตรา 109 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานที่ดิน
หากแค่เป็นการจำลองรูปแผนที่จริง ไม่จำเป็นต้องใช้หมุดหลักฐานการแผนที่ของทางราชการจริงมาปักไว้ น่าจะหาวัสดุอื่นมาปักแทนก็ได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ และหรือว่ามีเจตนาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด