พ่อน้องไนซ์ โอด ถามกลับสังคม อยากให้มองกลับกัน ถ้าหากลูกคุณถูกคุกคาม มีคนมาถามว่า ‘เป็นออทิสติกเหรอ’ จะรู้สึกยังไง
วันที่ 4 มิ.ย. 2567 หลังจากที่ ทนายธรรมราช ได้มีการโพสต์ข้อความ หลังจากที่ออกมาจากตึก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่าจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ โดยระบุว่า “กำลังเดินทางไปที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อมอบหลักฐานข้อเท็จจริงให้กับ บก.ปอท.”
ต่อมา เวลาประมาณ 11.30 น. ทนายธรรมราช ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยกล่าวว่า วันนี้ได้นำเอกสารมายื่น ซึ่งเป็นเอกสารชุดเดียวกัน ยื่นให้กับ พม. ก่อนหน้านี้ สืบเนื่องจากวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา มีทนายเข้ามาแจ้งความเอาผิดในข้อหา พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ บิดเบือนคำสอนพระพุทธศาสนา และเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ก็ได้นำข้อมูลหลักฐาน คำสอนทั้งหมดมาแจ้งให้กองปราบเพื่อประกอบสำนวนคดี เพื่อประกอบการพิจารณา

โดย แม่น้องไนซ์ ได้กล่าวถึง เหตุการณ์เมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) คือหมายเรียก 3 คน พ่อแม่และน้อง เมื่อลงเครื่องมา อยู่ดีๆน้องก็บอกว่าต้องไปวันนี้เลย ปกติน้องจะบอกทุกอย่างอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่น้องบอกแม่ก่อนไป น้องบอกว่า เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตอนไป สน.ทองหล่อ มันจะเกิดขึ้นแบบนี้แบบนั้น ซึ่งมันเกิดขึ้นหมดเลย
แม่เล่าว่าส่วนในคลิปตอนน้องออกจาก สน. และมีท่าทีชะงักตกใจ แม่กล่าวว่า แท้จริงแล้วน้องหันไปเรียกพ่อ ไม่ได้ตกใจ ถ้าถามว่าตกใจคือตอนที่น้องบอกตำรวจว่าน้องต้องแจ้งความกลับ เพราะน้องรู้สึกว่าน้องโดนคุกคาม ซึ่งตำรวจที่อยู่ที่นั้นก็รู้ดี
แม่และพ่อ กล่าวต่อว่า การที่มาครั้งนี้ พม. ก็เห็นแล้วว่าน้องเป็นอย่างไรบ้าง เป็นออทิสติกหรือไม่ แม่ก็ได้อธิบายกับ พม. ว่า สิ่งใดที่ลูกทำแล้วมีความสุข เราเป็นพ่อเป็นแม่ เราก็ต้องทำ เพราะเป็นความสุขของลูก และพ่อกับแม่ก็ทำตามกฎหมายอยู่แล้ว คนเป็นพ่อเป็นพ่อเป็นแม่ต้องทำความจริงให้กระจ่าง
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาน้องโดนคุกคามมากแค่ไหน
ด้าน พ่อน้องไนซ์ กล่าวว่า คืออย่างนี้ถ้าเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป เด็กวัย 8 ขวบ โดนคุกคามแบบนี้ เดินไปไหนตามถนนก็ถูกถามว่าเป็นเด็กออทิสติกเหรอ ถ้าเป็นลูกหลานของท่าน ท่านจะรู้สึกอย่างไร อยากให้ให้มองในมุมกลับกันบ้าง

นอกจากนี้ แม่น้องไนซ์ อาจจะดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม โดยกล่าวว่า ในเรื่องของรายการโหนกระแส ตรงนั้นที่คุณเอาเสียงเราไปออก เราไม่ได้เต็มใจ เรารับสายคุณและพูดคุยกับ พม. ต่อ ซึ่งเราไม่รู้ว่าคุณจะเอาเสียงเราไปออกรายการ ตรงนั้นก็ต้องปรึกษาทีมทนายว่าเราจะดำเนินคดีทางกฎหมาย
ก่อนแม่จะปิดจบว่า สิ่งที่น้องเป็นทุกข์คือสิ่งที่ทุกคนกำลังคุกคามน้อง ไม่ใช่สิ่งที่น้องสอนธรรมมะ จริงๆการที่เด็กน้อยคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาพูดเรื่องธรรมะตั้งแต่ 3 ขวบ มีผู้คนยอมรับจำนวนมาก ซึ่งข้อธรรมะที่น้องสอน ถ้ามันถูกเผยแพร่ไปและถูกนำเสนออย่างเป็นความจริง แม่ว่ามันดีนะ ถ้าเด็กทุกคนจะหันกลับมาเรียนรู้เรื่องธรรมะ สุดท้ายน้องพูดเสมอว่ากลัวการโจมตี และพูดว่าไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือกฎหมายได้
