เลขากฤษฎีกา ชี้ชัด! สั่ง “ชาญ พวงเพ็ชร์” หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังเข้ารับตำแหน่ง “นายก อบจ.ปทุมฯ” ไม่ได้ เพราะมีคดีเก่าติดค้าง
วันที่ 2 มิ.ย. 2567 นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณี นายชาญ พวงเพ็ชร์ ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) แต่นายชาญมีคดีค้างอยู่ใน คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ปปช. และศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จะสามารถเข้ารับตำแหน่งได้หรือไม่เพราะมองว่า เป็นการดำรงตำแหน่งคนละครั้งกัน ว่า ก็แล้วแต่เขาดำเนินการไป
ซึ่งผู้ที่ชี้ขาดคือ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแล เรื่องของการเข้าสู่ตำแหน่งหรือการดำรงตำแหน่งและการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่น ดังนั้นกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะมีคำสั่งในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ส่วนในข้อกฎหมายถึงแม้จะกลับมารับตำแหน่งใหม่ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ใช่หรือไม่ นายปกรณ์ ระบุว่า ใช่ครับ วัตถุประสงค์ ของคำวินิจฉัยกฤษฎีกาได้ให้เหตุผลไว้แล้วว่า ถ้าเกิดถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากป.ป.ช.มีคำสั่งชี้มูล ซึ่งถึงแม้ระหว่างนั้นเขาพ้นตำแหน่งไปแล้วและถูกเลือกตั้งให้กลับเข้ามาใหม่ เขาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะป้องกันไม่ให้เกิดการยุ่งเหยิงกับกรณีที่ผ่านมา เพราะหากเข้าไปดำรงตำแหน่งใหม่อาจจะไปยุ่งเหยิงกับคดีที่ผ่านมา และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น เรื่องนี้ไม่มีอะไรเป็นหลักกฎหมายปกติ
สำหรับกรณีดังกล่าวถือว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องมีหน่วยงานใดมาชี้ เพราะเป็นไปตามผลของกฎหมายอยู่แล้ว ทั้งนี้หากนายชาญมีสิทธิไม่เชื่อความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จะเป็นคนชี้ เพราะมีอำนาจหน้าที่ในการดูแลเรื่องของการเข้าสู่ตำแหน่ง การดำรงตำแหน่ง และการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น สถ.จึงเป็นผู้มีคำสั่งดำเนินการ กับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

ส่วน ผู้ที่ต้องทำหน้าที่แทนนายชาญ คงเป็น ปลัด อบจ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดเรื่องนี้อยากให้สอบถามอธิบดี สถ. และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ การหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ นายชาญ พวงเพ็ชร์ หลังการเลือกตั้งนายก อบจ. ปทุมธานีเป็นทางการแล้ว ว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เรื่องของนายชาญ ป.ป.ช. เคยยื่นต่อศาล และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้ประทับรับฟ้องไปแล้วซึ่งตอนนั้นนายชาญได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว จึงไม่ได้มีคำสั่งอะไร ส่วนหนังสือเวียนที่มีความเห็นของกฤษฎีกา ตนคิดว่าเป็นข้อคิดเห็นทางกฎหมาย เรามองว่านายชาญจะหยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่กระบวนการขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ต้องเป็นคำสั่งศาลเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามอัตโนมัติอย่างที่กังวลใจกัน อันนี้เป็นเรื่องใหม่ เป็นสถานการณ์ใหม่ในการดำเนินการนายชาญยังมีสิทธิ์ เพราะตอนที่มาสมัครก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติอะไร ยังสามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ และอยู่ในดุลยพินิจของส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และในปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้อกฎหมายอะไร อีกทั้งยังไม่มีคำสั่งจากศาลที่ไปบังคับห้าม ที่จะให้ปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของศาล

ส่วนกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 81 และ 93 ยังไม่ชี้ชัดพอใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังเพราะศาลยังไม่มีคำสั่งว่านายชาญผิดเพียงแต่รับเรื่องไว้พิจารณา ถือว่ายังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ถ้ามีคำสั่งชัดเจนบอกว่าผิดก็ถือว่าจบ เพราะฉะนั้นในกระบวนการยุติธรรมเท่าที่ดูหลายเรื่อง ที่ยังไม่ชัดเจนก็ต้องอยู่ที่อำนาจศาลตัดสินใจ วันนี้เพียงแค่ประทับรับฟ้อง เพื่อให้จำเลยมีสิทธิ์ต่อสู้ ต้องเข้าใจกระบวนการยุติธรรมได้ว่าการที่ใครถูกกล่าวหา ถูกจับดำเนินคดี เพราะยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ยังต้องพิสูจน์ทราบให้ชัดเจนว่ามีความผิดหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่มีคำสั่งอะไรที่ชัดเจน
พร้อมย้ำว่า ในขณะที่ศาลรับคำฟ้องนายชาญ ออกจากหน้าที่แล้ว เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็หายไปแล้ว เมื่อมาสมัครใหม่ กกต. ก็ได้พิจารณารับสมัครเข้ามาโดยไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ย้ำว่าเรื่องนี้อย่าพึ่งไปกังวลใจ อยู่ที่ความเป็นจริงและอยู่ที่การพิจารณา เราก็เชื่อใจในความบริสุทธิ์ของทุกคนถ้าไม่ถูกตัดสินคดี