อย่าตกใจ! อ. เจษฎา เฉลยแล้ว ไม่ใช่ “ขวดพลาสติก” แบบที่เราใช้กันทุกวัน หลังวิจัยชี้ เสี่ยงต่อการเกิด เบาหวาน ประเภท 2
จากกรณีที่มีเพจดังออกมาเปิดเผนงานวิจัยสหรัฐฯ ซึ่งพบข้อมูลที่ระบุว่า ดื่มน้ำจากขวดพลาสติกทุกวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด “เบาหวาน” ประเภท 2 พร้อมกับใช้ภาพประกอบเป็นขวดน้ำดื่มใส ๆ แบบที่เราใช้ดื่มกันในชีวิตประจำวัน ทำเอาหลาย ๆ คนถึงกับตกใจ
ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ข้อมูลต่อประเด็นดังกล่าว ผ่านทางเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า “งานวิจัย BPA นี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับขวดน้ำดื่ม PET ที่ใช้กันครับ .. คนชอบใส่รูปประกอบผิด .. ไม่ต้องกังวลครับ
มีการแชร์ข่าวผลวิจัยที่เตือนว่า “หากดื่มน้ำจากขวดพลาสติกบ่อยครั้ง เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อ โรคเบาหวานประเภท 2” … ทำเอาหลายคนแตกตื่นกัน ว่าเอาอีกแล้วเหรอ ข่าวที่บอกว่าดื่มน้ำจากขวดพลาสติก จะอันตรายต่อสุขภาพเนี่ย !?
แต่ๆๆ อย่างพึ่งตกใจครับ “ขวดพลาสติก” ที่งานวิจัยศึกษาผลของสาร BPA ต่อการเกิดโรคเบาหวานนี้พูดถึง เขาไม่ได้หมายถึง “ขวดน้ำดื่มแบบ PET” ขวดใส ๆ ที่เราใช้กัน แต่เป็นพลาสติกชนิดโพลีคาร์บอเนต polycarbonate ที่ผิดกันไปหมด ก็คือสื่อ (ทั้งในไทย และในต่างประเทศ) ที่เอาภาพขวดน้ำดื่ม PET นี้มาประกอบข่าว เลยเข้าใจมั่วกันหมด !

ตามรายงานข่าวนั้น บอกว่า ผลการศึกษาของทีมนักวิจัยจาก California Polytechnic State University ในสหรัฐ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetes ชี้ว่า การดื่มน้ำผ่านขวดพลาสติก (ชนิดที่มีส่วนผสมของสาร BPA) บ่อยๆ อาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ เนื่องจากขวดพลาสติก (ชนิดที่มีส่วนผสมของสาร BPA) มีสารเคมี BPA ที่สามารถลดความไวของร่างกายต่ออินซูลินได้
ตามรายงานของทีมวิจัย พบว่า จากการสุ่มทดลองกับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงดี 40 คน โดยมีทั้งคนที่ได้รับยาหลอก (placebo) กับคนที่ได้รับสาร BPA ประมาณ 50 ไมโครกรัมต่อร่างกายหนึ่งกิโลกรัมของน้ำหนัก (เป็นการให้รับสารเคมีโดยตรง ไม่ใช่การดื่มน้ำหรือกินอาหารจากบรรจุภัณฑ์พลาสติก) ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณที่สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) ถือว่า อยู่ในประเภทปลอดภัยในปัจจุบัน
ซึ่งผลการทดสอบ พบว่า ผู้ที่ได้รับสาร BPA มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยพวกเขาจะตอบสนองต่ออินซูลินน้อยลงหลังจากผ่านไป 4 วัน ดังนั้น สาร BPA อาจลดความไวของร่างกายต่ออินซูลิน จึงส่งผลต่อการเผาผลาญกลูโคส นี่เป็นการศึกษาครั้งแรกที่ยืนยันโดยตรงว่า การบริโภค BPA เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 ในผู้ใหญ่

อย่างไรก็ตาม สารเคมี BPA ส่วนใหญ่จะใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม และขวดน้ำพลาสติก (พวกที่ทำจากพลาสติกโพลีคาร์บอเนต ซึ่งมี BPA ปนอยู่) สามารถลดความไวต่อฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งควบคุมการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายได้ .. ทาง สมาคมโรคเบาหวานแห่งอเมริกา (ADA) จึงได้ออกมาเรียกร้อง ให้มีกฎระเบียบทางอุตสาหกรรมถึงปริมาณความปลอดภัยของสาร BPA ที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าการสัมผัสสารเคมีที่เป็นอันตรายเหล่านี้จะลดลง
#สรุปอีกที งานวิจัยผลของการกินสาร BPA ต่อความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ “ขวดน้ำดื่ม PET” ครับ เพราะขวด PET ไม่ได้มี BPA เป็นส่วนผสม … เฉพาะพวกขวด โพลีคาร์บอเนต ต่างหากที่อาจน่ากังวลได้ ถ้ามี BPA สูง”
