ศูนย์กลางประสานงาน นักศึกษา อาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันฯ (ศอปส.) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 โดยมีเนื้อหาดังนี้ แถลงการณ์ของเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ที่ออกมารับรองว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ส่วนน้อยที่มีพฤติการณ์พาดพิงสถาบันฯ เป็นเรื่องที่สมควรนั้น ทางศูนย์กลางประสานงาน นักศึกษา อาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันฯ (ศอปส.) มีข้อคิดเห็นแย้งอยู่มากทีเดียว เพราะ

เผย 353 นักวิชาการลงชื่อแถลงจุดยืน “ มหาวิทยาลัย เป็นพื้นที่ตั้งคำถาม” วอนรัฐเคารพเสรีภาพแสดงความเห็น

1. กรณีนี้อาจารย์มีผลประโยชน์ ไม่เป็นกลาง เช่น1.1 อาจารย์เป็นผู้มีผลประโยชน์จากนักศึกษาโดยตรง ถ้าทำให้นักศึกษา ไม่พอใจก็อาจจะถูกคัดค้านหรือถูกโห่ฮาป่า หรือโดนนักศึกษาต่อต้าน วิชาที่สอนก็จะมี ผู้ลงทะเบียนเรียนน้อย ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นอาจารย์เองจึงจำเป็นต้องพึ่งพา “บารมีของเด็ก” ขาดความเป็นกลาง ซึ่งอาจารย์ควรพิจารณาตัวเองก่อนว่า ในฐานะคนไทยที่มีกิน มีคนเคารพนับถือ เสวยสุขอยู่ได้ทุกวันนั้น เป็นเพราะแผ่นดินไทยมีเครื่อง  ยึดเหนี่ยวให้คนไทยในชาติเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน มีความเป็นอยู่โดยสงบและสันติ จนกลายเป็นประเทศที่มีชาวต่างชาติต้องการเข้ามาพักอาศัยอยู่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก นั่นก็เพราะประเทศไทยมี “ประเพณีและวัฒนธรรมไทยที่งดงาม หลากหลาย” ที่  ทำให้เด็กเคารพผู้ใหญ่ ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า มีศาสนา มีศีลธรรม ฯลฯ ซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นต้นธารของการเกิดประเพณีวัฒนธรรมไทยขึ้น โดยเฉพาะราชวงศ์จักรีที่พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงมีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อประเทศไทย ในการเชื่อมโยงชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารให้เป็นหนึ่งเดียวกันตลอดมา ถ้าอาจารย์ยังมีบุพการีอยู่ก็ลองถามท่านดูว่าการตัดสินใจของอาจารย์ครั้งนี้ถูกต้อง หรือตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองกันแน่ หรืออาจารย์จะไม่พูดกันแล้วก็ไม่รู้

1.2 ในมหาวิทยาลัยของรัฐ การเป็นอาจารย์ที่มีตัวตนและขึ้นสู่ตำแหน่งต่างๆ ได้นั้นจำเป็นต้องมีประชากรในมหาวิทยาลัยสนับสนุน ดังนั้นอาจารย์ก็เหมือนกับนักการเมืองทั่วๆ ไป บางมหาวิทยาลัยยังต้องซื้อเสียงเลย อาจารย์จึงจำเป็นต้องพึ่งพาเด็ก บุคลากรทางธุรการ และเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน แถลงการณ์ของอาจารย์ที่ออกมาจึง      ทับซ้อนอยู่กับผลประโยชน์ของตัวเองอย่างโงหัวไม่ขึ้น ทำไมไม่ลองหันกลับไปดูสังคมตะวันตกที่อาจารย์ภูมิใจนักหนาว่าปัจจุบันมีสภาพของสถาบันครอบครัวและความเป็นอยู่โดยทั่วไปของคนจนเป็นอย่างไรบ้าง

กลุ่มอาชีวะช่วยชาติ ออกแถลงต่อต้านกลุ่มผู้มีอคติ และเกลียดชังต่อสถาบันเบื้องสูง

1.3 มหาวิทยาลัยของรัฐล้วนผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มีรายได้ มีความเป็นอยู่อย่างอิ่มหนำสำราญบน      ที่ดินดังกล่าวนี้ ปัจจุบันก็ยังพยายามอ้างสถาบันฯ มาแย่งที่โรงเรียนอาชีวะ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรุ่นแรกๆ ยังต้องเดินมาขอยาที่วังสระปทุม ฯลฯ อาจารย์ควรกลับไปคิดถึงเรื่องนี้ควบคู่ไปด้วย

อาชีวะช่วยชาติ แถลงจุดยืน!เรียกร้องชุมนุมไม่ก้าวล่วง หวังบ้านเมืองไม่แตกแยก

1.4 นอกเหนือจากการตรวจข้อสอบแล้ว การช่วยทำงานทางด้านงานวิจัยต่างๆ ของอาจารย์นั้น ถ้าทำการสืบค้นดูจะพบว่ามาจากต่างชาติเกือบครึ่งหนึ่ง ที่เหลือมาจากหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ซึ่งรายได้ส่วนนี้ล้วนแต่เป็นผลประโยชน์ที่ไม่ต้องเสียภาษีทั้งสิ้น รวมถึงรายได้จากการเขียนตำราต่างๆ ด้วย ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างไปจากอาชีพอื่นๆ เลยโดยเฉพาะความเป็นอยู่ของผู้บริหารมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ซึ่งถ้า ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์มาเห็นเข้า คงจะต้องร้องไห้ยิ่งกว่าตอนที่ลงไปห้ามไม่ให้นักศึกษาจัดชุมนุมเมื่อ 5 ตุลาคม 2519 เสียอีก

2. ในแถลงการณ์ของอาจารย์บอกว่า “สังคมไทยกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่” ซึ่งเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้ โดยเฉพาะกลุ่มที่ลงมือปฏิบัติงานผ่านเทโนโลยีต่างๆ เช่นกลุ่มอาชีวะ ฝ่ายอาจารย์ย้ำต่อว่า “ไม่มีสถานที่ใดเหมาะสมไปกว่ามหาวิทยาลัยสำหรับ การให้สมาชิกในสังคมได้ตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบร่วมกันอย่างสันติ”

อยากจะถามกลับว่า การขึ้นป้ายต่างๆ ที่มีข้อความสร้างความแตกแยกในสังคม การด่าคนอื่นได้แต่ตัวเองไม่ยอมให้คนด่ากลับบ้าง การสอนให้เด็กด่าพ่อแม่ การมั่วสุมกันไปมาของแกนนำนักศึกษาหลังเวที การรับเงินมาจัดงาน การพูดไม่จริงในการอ้างอิงประวัติศาสตร์ ฯลฯ เรื่องเหล่านี้เป็นแนวทางสันติวิธีหรือไม่ และเหมาะสมที่จะทำในมหาวิทยาลัยหรือไม่ การอ้างชื่อสหพันธ์นิสิตนักศึกษา ทั้งๆ ที่นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่เขาไม่ได้รับรู้ด้วย พออีกฝ่ายอ้างบ้างก็ไปว่าเขาเป็นศูนย์เถื่อน ถ้าอยากเป็น “ประชาธิปไตย” จริงๆ ต้องยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่นด้วย จึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง พวกอาจารย์คิดถึงเรื่องแบบนี้บ้างไหม หรือยอมให้ใช้ชื่อโดยไม่ได้อ่านรายละเอียด (น่าจะมากกว่าครั้งหนึ่ง)

แถลงการณ์ ศอปส. ฉบับนี้เพียงต้องการให้อาจารย์ทุกท่านมีความคิดอิสระ คิดแบบผู้ใหญ่ คิดแบบคนไทย โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดคะเนได้ เทคโนโลยีนานาชนิดกำลังผสานกันผลักดันให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ขึ้น มนุษย์จะต้องอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ ให้ได้ รากฐานทางวัฒนธรรมจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้ “คน” ยังเป็น “มนุษย์” อยู่ต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจารย์ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ส่วนแกนนำอ้วนๆ 3-4 คน ที่อาจารย์เอาอกเอาใจอยู่ในขณะนี้ อีก 2-3 ปีก็จะเปลี่ยนไปในรูปแบบอื่น ดังนั้น “กฎหมาย” จึงควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันตามที่อาจารย์เคยร่ำร้องไว้หลายกรณี แต่ทำไม “เด็กทำผิดกฎหมาย” อาจารย์จึงออกมาปกป้องกัน ถามจริงๆ นอกจากอาจารย์สิบกว่าคนที่อ่านชื่อดูก็รู้แล้วว่า ไม่เป็นกลาง พวกอาจารย์ที่ร่วมลงชื่อเคยไปฟังเด็กอ้วนเหล่านี้พูดบ้างไหม ถ้าจะห้ามปรามต้องห้ามด้วยกันทั้งสองฝ่าย การพูดกระทบพาดพิงสถาบันฯ ระดับนี้ก็เหมือนกับการด่าพ่อแม่ของพวกอาชีวะและประชาชนส่วนใหญ่ อาจารย์รู้บ้างไหม จะให้พวกเขาอดทนอยู่ต่อไปขนาดไหน

นักเรียนอาชีวะนั้นเคยผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นแนวหน้าให้นิสิตนักศึกษา เจ็บตายมากกว่าก็ไม่พูด ไม่เคยเรียกร้องว่าเป็น “วีรชน” พอถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 พวกเขาก็เปลี่ยนใจจากการป้องกัน “นิสิตนักศึกษา” เพราะประชาชน ไม่เอานิสิตนักศึกษา แม้แต่นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่ก็ยังไม่เห็นด้วยเพราะถูกบังคับให้วิจารณ์ตัวเอง ปัจจุบันการที่รุ่นพี่ข่มขู่นิสิตนักศึกษาให้เข้าร่วมชุมนุมก็เกิดขึ้นแล้วและหนักกว่าเดิมอีก

ดังนั้นการเคลื่อนไหวของเครือข่ายเด็กอาชีวะในปัจจุบัน ศิษย์เก่าอาชีวะ และประชาชนที่เคยเข้าร่วมในเหตุการณ์ต่างๆ เห็นว่าการเคลื่อนไหวของอาชีวะและประชาชนในเวลาต่อไปจะเป็นไปในทิศทางไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับบทบาทของนิสิตนักศึกษาส่วนน้อยกลุ่มนี้เอง ซึ่งอาจารย์ควรลงไปฟังเวลาพวกเขาชุมนุมกันบ้าง จะได้ว่ากล่าวตักเตือนและรับรู้เรื่องจริงที่เกิดขึ้น อย่าเซ็นชื่อเพราะถูกเพื่อนอาจารย์ขอร้องมา หรือกลัวเด็กประท้วง มนุษย์กำลังเข้าสู่มิติที่มหัศจรรย์ด้วยอำนาจเทคโนโลยีในอีก 2-3 ปีข้างหน้าแล้ว

อาจารย์ยังล่ารายชื่อทางโทรศัพท์กันอยู่แบบเดิมน่าจะใช้ไม่ได้แล้ว อยากปกป้องนักศึกษาต้องรีบลงมานั่งฟังพวกเขาพูดด้วยตัวเอง มาดูพฤติกรรมหลังเวที มาดูว่าเสบียงอาหารลำเลียงกันมาอย่างไร มาดูว่าหลังจบการอภิปรายแล้วใครไปกับใคร มีการ์ดสีเสื้อมาดูแลหรือไม่ ซึ่งพวกนักศึกษาอาจจะไม่รู้ มีการปีนไปปิดกล้องวงจรปิด ใช้ทะเบียนรถปลอม ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ลำพังเด็กๆ จะทำกันเองได้หรือ

แม้อาจารย์จะไม่ได้สอนโรงเรียนอาชีวะหรืออายุน้อยกว่าก็ตาม แต่พวกเราก็ยังเคารพและกราบขออภัยมาด้วยถ้าล่วงเกินมากไป

ด้วยความคารวะ

ศูนย์กลางประสานงาน นักศึกษา อาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันฯ 13  สิงหาคม  2563

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ส่องคลิป-คอมเมนต์เดือด เบียร์ เดอะวอยซ์ อาบน้ำถอดบิกินี

ชาวเน็ตเสียงแตกยับ คลิป เบียร์ ภัสรนันท์ ไลฟ์สดอาบน้ำ ถอดสายบิกินีแบบสยิว ลงคลิปไม่นานคนแห่ดูเป็นล้านแล้ว

เหยื่อก้อนปูนหล่นใส่รถ ถ.พระราม 2 ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว เผยเหตุสุดยื้อ ตับฉีกขาด

สังเวยชีวิต ก้อนปูนหล่นใส่รถกระบะบน ถ.พระราม 2 คนขับวัย 46 เสียชีวิตแล้ว เผยสาเหตุสุดยื้อ พบตับฉีกขาด-เลือดออกในช่องท้อง 

เผยภาพมุมสูง-มวลน้ำมาเร็วไปเร็ว น้ำท่วมแม่สาย – ตลาดสายลมจอย เชียงราย

น้ำท่วมแม่สาย ตลาดสายลมจอย จ.เชียงราย ชาวบ้าน-ร้านค้า ขนของหนีน้ำวุ่น ล่าสุดน้ำลดแล้ว กลับสู่ภาวะปกติ แต่ยังวางใจไม่ได้

“ดีเจเพชรจ้า” เดือด! ตอบกลับชาวเน็ตแซะ “น้องเนปจูน” คบเพราะรวย

“ดีเจเพชรจ้า” เดือด! ออกมาไลฟ์สดตอบกลับชาวเน็ตแบบเจ็บจี๊ด หลังแซะ “น้องเนปจูน” คบเพชรจ้า เพราะรวย – ลั่นจีบผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีเงิน! กลายเป็นอีกหนึ่ […]

ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ ตอบข่าวลือ “รักมาราธอนไร้งานแต่ง – พระเอกมีโลกสองใบ”

“ปุ๊กลุก ฝนทิพย์” เคลียร์ชัด! ชี้แจงผ่านโซเชียล หลังถูกโยงข่าวลือรักมาราธอนไร้งานแต่ง – พระเอกมีโลกสองใบ กลายเป็นกระแสที่หลายคนจับตามอง สำหรับข่ […]

เบียร์ เดอะวอยซ์ ไลฟ์สดอาบน้ำ ชาวเน็ตสงสัย มีปัญหาสุขภาพจิต?

เกิดอะไรขึ้น ?? “เบียร์ เดอะวอยซ์” ไลฟ์สดอาบน้ำกลางดึก หลังเจอดราม่าฟ้องร้อง และกระแสด้านลบโจมตี ด้านชาวเน็ตเป็นห่วงสุขภาพจิต ยังคงเป็นประ […]
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า