บก.ลายจุด ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดีเบตระหว่าง อุ๊ หฤทัย และ ไผ่ ดาวดิน ชี้ ไม่พบประเด็นแหลมคม แต่ได้เห็นวุฒิภาวะของทั้ง 2 ฝ่าย
วันที่ 5 พ.ย. 63 จากกรณีที่ ไผ่ ดาวดิน หรือ นายจตุภัทธ์ บุญภัทรรักษา แกนนำกลุ่มดาวดิน สามัญชน แนวร่วมคณะราษฎร ร่วมดีเบตกับ อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี ในรายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ วานนี้ (4 พ.ย. 63) เรียกได้ว่าเป็นแมตช์หยุดโลก และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล พาเอาแฮชแท็กรายการ #ถามตรงๆกับจอมขวัญ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลกเมื่อช่วงค่ำของวันที่ผ่านมา
ไผ่ ดาวดิน เตือน บิ๊กตู่ ไม่ลาออก เตรียมยกระดับการเคลื่อนไหวขึ้นอีก
อุ๊ หฤทัย ลั่น! ขอรบอย่างอหิงสา ปกป้องสถาบัน พร้อมหมายคนรักสถาบันพรุ่งนี้
ล่าสุด บก.ลายจุด ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดีเบตดังกล่าว โดยระบุว่า อุ๊ VS ไผ่ เราได้อะไรใน 1 ชม ที่เสียไป
อุ๊ตั้งใจวางบทบาทตนเองเป็นนักวิชาการใส่สูทมาบรรยายทั้งเรื่องความสำคัญของระบบทุนนิยม การเมืองในยุคสงครามเย็น มั่นหน้าว่าชุดความรู้ของตนนั้นอธิบายสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นในความขัดแย้งของสังคมไทยในขณะนี้ ฟังดูคุ้นๆว่าน่าจะมาสำนักคิดของสถาบันทิศทางไทย ของสนธิญาณ เรียกว่ารับมาเต็มๆ
แกนนำราษฎร แถลงจุดยืน 3 ข้อตามเดิม ย้ำสถาบันฯต้องถูกปฏิรูป
ไผ่ เล่นบทนักเคลื่อนไหวสิทธิชุมชนที่มองเชื่อมโยงจากประเด็นชาวบ้าน(จุลภาค)ไปสู่การเมืองระดับชาติ (มหภาค) ชี้ปัญหาระบบอำนาจนิยมทำลายอำนาจต่อรองของคนตัวเล็กตัวน้อย เขามองว่าต้องเอาประยุทธออกและจัดวางความสัมพันธ์เชิงอำนาจในรัฐธรรมนูญเสียใหม่
จอมขวัญ เล่นบทโปรโมเตอร์จัดมวยหยุดโลก หลังจัดคู่ปารีณาและน้องมายด์ไปแล้วรอบหนึ่ง แต่แล้วดันเอามวยวัดกับมวยมาตรฐานมาต่อยกันบนเวที กรรมการต้องคอยแจ้งกฏการชกเป็นระยะ แต่วันนี้นักมวยหญิงถึงกับไม่สนใจกติกาในการชกบนเวที ควงหมัดใส่ไม่ยั้งแถมยังพ่นน้ำลายเต็มหน้าจอทีวี กรรมการได้แต่เมาน้ำลาย ในใจคงคิดว่ากรูคิดผิดหรือเปล่าที่เอาคู่นี้มาเจอกัน
การสนทนาไม่เข้าเนื้อหาที่รายการได้กำหนดไว้ แต่ถูกอุ๊ลากออกจากประเด็นหลักไปยังชุดความคิดที่ฝังอยู่ในใจคนอย่างอุ๊ จะว่าไปแล้วเขาไม่ได้ดีเบตอะไร มันเพียงแค่บอกว่าเขาคิดอะไรเท่านั้น ส่วนไผ่ก็ใช้เวลาในการอธิบายความคิดตนเองเพื่อแสดงความต่างระหว่างเขากับอุ๊ แล้วปล่อยให้จอมขวัญกอดประเด็นของรายการไว้คนเดียวอย่างงงๆ
สำหรับผมแล้ว แทบไม่ได้อะไรที่เป็นเนื้อหาในการสนทนาครั้งนี้ แต่ที่ได้มากที่สุดคือ การมองเห็นวุฒิภาวะของแต่ละฝ่าย การยึดมั่นความคิดตนเองผมไม่ติดขัด แต่การไม่เปิดรับฟังหรือพยายามปิดโอกาสการพูดของอีกฝ่ายบนเวทีดีเบตแบบนี้ เป็นพฤติกรรมที่ทำให้ดูด้อยไปอย่างชัดเจน ดังนั้นเสียงวิจารณ์ในวันนี้จึงไม่ได้ไปที่ใครเสนอประเด็นได้คมชัดหรือมีเหตุผลกว่ากัน แต่เป็นเรื่องมารยาททางสังคมที่ต่ำเตี้ยเกินความคาดหมาย
1 ชั่วโมงที่เสียไปกับเทปนี้ คือ ความบันเทิงบนความน่าสมเพช ถือเป็นเรื่องแปลก ดูไปด่าไป ได้แค่นี้แหละ