ชุมนุมใหญ่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยระบุว่า การชุมนุม 19 ก.ย.นี้ ทุกฝ่ายวิตกกังวลแตกต่างกัน พร้อมหวังว่าผู้บริหารธรรมศาสตร์จะเปลี่ยนใจให้ผู้ชุมนุมเข้าไปพื้นที่มหาวิทยาลัยได้ อีกทั้งผู้บริหารธรรมศาสตร์ควรคิดให้กว้างไกลกว่าลูกศิษย์ที่มาขอใช้พื้นที่
นอกจากนี้ การชุมนุมในมหาวิทยาลัยสามารถประสานกับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อดูแลความปลอดภัยได้ดี แต่ธรรมศาสตร์กลับใช้วิธีปิดมหาวิทยาลัยหนีนักศึกษา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง แล้วผลักให้พวกเขาไปเสี่ยงอันตราย
โดยธรรมศาสตร์ควรซึมซับทั้งเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19 เนื่องจากเป็นประวัติศาสตร์ที่คนธรรมศาสตร์ต่างกล่าวขานถึง และปลุกสร้างคำพูดว่า ฉันรักธรรมศาสตร์เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน หรือธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว แต่เมื่อถึงทางปฏิบัติเมื่อประชาชนต้องการใช้เสรีภาพ หรือให้นักศึกษาแสดงความรักกับประชาชน ดันปิดมหาวิทยาลัยหนีเสียอย่างนั้น
นายจตุพร ยกตัวอย่างว่า ช่วงเหตุการณ์พฤษภา 35 ม.รามคำแหง เป็นมหาวิทยาลัยของประชาชน และประชาชนต้องการใช้พื้นที่เป็นเรือนตาย เพื่อสร้างฐานที่มั่นสุดท้ายไว้สู้กับ รสช. ซึ่งรามคำแหงก็คืนมหาวิทยาลัยให้กับประชาชน เปิดห้องน้ำทุกห้อง รวมทั้งเปิดให้ประชาชนเข้าไปอยู่ทุกอาคารเพื่อหลบภัยได้ เพราะมหาวิทยาลัยสร้างโดยภาษีของประชาชน
ส่วนธรรมศาสตร์กลับผลักนักศึก ประชาชนไปชุมนุมสนามหลวง เท่ากับไปเร่งสถานการณ์ให้เดินไปทำเนียบเร็วขึ้น ถ้านักศึกษาประกาศตัดโซ่ บุกเข้าพื้นที่ธรรมศาสตร์ แต่ผู้บริหารธรรมศาสตร์ไม่อยู่เลยนั้น อะไรจะเกิดความเสียหายมากกว่ากัน ควรต้องคิดและ ธรรมศาสตร์ต้องคิดกันใหม่
วันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจ แหล่งรายได้จากท่องเที่ยวพังหมด แต่สิ่งที่ควรสร้างขึ้นคือความเชื่อมั่นของคนในประเทศ อย่าให้คนอยู่ด้วยความสิ้นหวัง นอกจากนี้ในปัจจุบันไม่มีใครกลัวโควิด-19 แล้ว ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสามารถจบลงด้วยสันติวิธีได้
นายจตุพร ยกกรณีเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ช่วงการชุมนุมล้วนแต่มีคนสร้างสถานการณ์กัน เช่น ให้กลุ่มคนมาปล่อยลมรถนักข่าว หรือตะโกนไล่หลังขณะสัมภาษณ์สื่อ ซึ่งการสร้างสถานการณ์จึงเกิดเหตุทุกอย่าง ป้องกันได้ยาก ไม่รู้ใครเป็นใคร
อย่างไรก็ตาม การชุมนุม 19 ก.ย.นี้ รัฐบาลต้องอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน และควรท่องคาถาไว้ว่า มีอะไรรัฐบาลต้องรับผิดชอบ อย่าให้การชุมนุมครั้งนี้เป็นชนวนน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะภายใต้ความเดือดร้อนทั้งปวงนั้น ไม่รู้ว่าจะลุกลามให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายได้ขนาดไหน
