ชมรมแพทย์ชนบท ผนึกองค์กรแพทย์หลายสาขา เผยแพร่แถลงการณ์ข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายกัญชา ของประเทศไทย หวั่นเยาวชนไปใช้ทางผิด
ตามที่ประเทศไทยมีการ ปลดล็อกกัญชา กัญชา กัญชง ซึ่งมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานและได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืช กัญชา และ กัญชง ท่ามกลางกระแสวิพากย์ วิจารณ์จากสังคม ถึงคุณและโทษ และความอันตรายจากการใช้กัญชา ว่ามีขอบเขตมากน้อยเพียงใด เนื่องจากมีประชาชน และ เยาวชน อาจนำไปใช้ในทางที่ผิดได้
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเฟซบุ๊กเพจชมรมแพทย์ชนบท เผยแพร่แถลงการณ์ ข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายกัญชาของประเทศไทย โดยองค์กรแพทย์หลายสาขา พร้อมระบุข้อความ
“กัญชาคือยาเสพติดให้โทษ”
“ข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายกัญชา ของประเทศไทย” 6 กันยายน 2565
โดยความเห็นชอบของ แพทยสภา แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา เป็นการรวมตัวขององค์กรทางการแพทย์ ที่ใหญ่และมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในประเด็นนโยบายทางการเมืองที่อ่อนไหวทางสังคม และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ด้วยเหตุผลที่หนักแน่น ครบถ้วน ในหลายประเด็น การใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ จะก่อให้เกิดคุณูปการต่อสังคมและประเทศชาติโดยรวมในตอนท้ายของข้อเสนอ

“ขอเน้นให้ใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างถูกวิธีที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย
ขอคัดค้านการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ และขอให้ทุกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ได้มีกลไกที่จะยับยั้งการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการด้วยเสมอ


ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ จากกรณีดังกล่าวเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว เผยสัมภาษณ์ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว. สาธารณสุข ตอบคำถามสื่อต่างประเทศ ในหัวข้ออนาคตกัญชาไทย โดยนายอนุทิน เผยว่า กัญชาเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ในฐานะฝ่ายการเมืองแต่ต้องเดินหน้า มุ่งมั่นสร้างสรรค์โอกาสให้พี่น้องประชาชน เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
จากการศึกษามายาวนาน ชัดเจนว่ากัญชามีประโยชน์ ช่วยบรรเทาความเจ็บป่วย จาก โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน นอนไม่หลับ หรือแม้กระทั่งความเครียด และผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เรามั่นใจว่ากัญชา จะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำหรับคนไทยแน่นอน

ยิ่งกว่านั้น จะช่วยเสริมจุดแข็งให้ไทย ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพระดับโลก กับกัญชา ตามประวัติศาสตร์ นี่คือพืชสมุนไพร ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของสรรพคุณ กระทั่งถูกประกาศให้เป็นยาเสพติด ปรากฏว่าจากนั้น ใครก็ตามที่ใช้กัญชารักษาโรค มีสภาพไม่ต่างจากอาชญากร
ผู้ป่วยจำนวนมากต่างพยายาม เพื่อเข้าถึงการรักษาอาการเจ็บป่วย ขณะที่ผู้ทำการรักษา มีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี เรามองเห็นปัญหา และได้ใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อลบกัญชาออกจากความเป็นยาเสพติด วันนี้ ประเทศไทย เปิดโอกาสให้ประชาชน ใช้กัญชา เพื่อรักษาโรค เกษตรกรปลูกกัญชาเพื่อสร้างรายได้ นำส่วนต่างๆ มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ยกเว้นก็แต่เพียงสารสกัดที่มีค่า THC สูงกว่า 0.2% ยังถือว่าผิดกฎหมาย วันนี้ แพลทฟอร์ม ปลูกกัญ มีคนเข้ามาใช้งานมากกว่า 30 ล้านคน ในนั้นมีการให้ความรู้อย่างครบถ้วน
นอกจากนั้น ยังได้อนุมัติการขึ้นทะเบียนปลูกกัญชาไปแล้วมากกว่า 1 ล้านใบ เหล่านี้ คือ ภาพสะท้อนของคนไทยที่มีต่อกัญชา ที่มาพร้อมกับเสียงวิพากษ์ เสียงวิจารณ์จากผู้ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องกัญชาอย่างแท้จริง ไปจนถึงคนที่ยังมองว่ากัญชาเป็นยาเสพติด
ยืนยันกัญชาสันทนาการไม่ใช่เป้าหมาย
ขอย้ำว่าการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการนั้น ไม่เคยเป็นเป้าหมายของเราเลย เพราะเราทำนโยบายนี้ เพื่อการแพทย์ และสุขภาพเท่านั้น แต่เมื่อมีข้อมูลว่ามีการนำไปใช้ผิดที่ ผิดทาง เราก็ออกกฎหมายมาควบคุม เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์ ซึ่งต้องขอทำความเข้าใจว่า อันที่จริงการปลดล็อก ต้องเกิดหลังจากที่กฎหมายแล้วเสร็จ นี่คือแผนการของเรา แต่มันมีความคลาดเคลื่อน เพราะโควิด-19 ที่ระบาดเมื่อช่วงต้นปี 2565 ทำให้การพิจารณา พ.ร.บ.ต้องเลื่อนออกไป สวนทางกับกฎหมายปลดล็อก ที่เดินหน้าแล้ว แต่เมื่อถามว่า ถ้าผมย้อนเวลาได้ ผมจะรอให้กฎหมายพร้อม แล้วจึงปลดล็อกหรือไม่
โดยยืนยันว่า จะไม่ทำเช่นนั้น และจะปลดล็อกแบบที่เป็นอยู่ เพราะอย่าลืมว่า ยังมีคนป่วยที่รอกัญชาเป็นทางเลือกในการรักษา เป็นทางรอดของชีวิต มีเกษตรกรที่รอใช้ประโยชน์จากกัญชา มีผู้ประกอบการ SME ที่ลงทุนไปแล้ว และพร้อมจะเดินหน้าทางธุรกิจ

ซึ่งจะไม่ยุติธรรมเลย หากภาครัฐไปสร้างความเสียหายให้เขาเหล่านั้น เราต้องยืดหยุ่นกับสถานการณ์ จึงหาทางใช้กลไกอื่นๆ เพื่อจัดการช่องว่างเรื่องกฎหมาย จะเห็นว่า มีการออกประกาศของหน่วยงานต่างๆ ดูแลการใช้กัญชาออกมาแบบรายวัน อาทิ ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ที่ห้ามสูบกัญชาในที่สาธารณะ ห้ามจำหน่ายกัญชาให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีตั้งครรภ์ เป็นต้น
ในอนาคต อุตสาหกรรมกัญชาของไทย จะมีมูลค่าสูงถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ รายได้จะถึงมือประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ เราจะมีทางเลือกด้านสาธารณสุขในราคาที่ประหยัดขึ้น ง่ายต่อการเข้าถึง และใน 5 ปี เราจะเป็นศูนย์กลางด้านบริการสุขภาพทางเลือก นี่คือผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายกัญชา
ขณะที่เรื่องของพระราชบัญญัติกัญชา ตอนนี้ อยู่ในสภาฯ แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งตนได้เข้าไปดูแลเรื่องการควบคุมการใช้ นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการด้านการให้ข้อมูล เพื่อให้ประชาชนใช้กัญชาอย่างถูกต้อง อย่าลืมว่า เราไม่เคยส่งเสริมกัญชา เพื่อการนันทนาการ เราใช้เพื่อการแพทย์ และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยจะมีทางเลือกด้านการรักษา ในราคาที่ถูกลง
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY