พีระพันธุ์ รมว.พลังงาน เตรียม รือระบบพลังงาน เพื่อประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และจะสร้างระบบพลังงานของประเทศขึ้นใหม่
วันที่ 1 มกราคม 2566 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงเรื่อง รือระบบพลังงาน ว่า ในศุภวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2567 ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้พีน้องประชาชนทุกท่านประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง สมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย พบพานแต่สิ่งดีๆและคนดีๆตลอดปีใหม่ 2567 ครับ สองวันก่อนทีมงานของผมขอให้ผมเล่าถึงสิ่งที่ผม “ทำแล้ว” ในรอบปี 2566 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จริงๆก็ต้องเล่ากันยาวครับ เพราะในระยะเวลาสั้นๆ 3 เดือนครึ่ง ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ผมทำงานแข่งกับเวลาทุกวัน ผมได้ “ทำแล้ว” ให้พี่น้องประชาชนเยอะมาก ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว เฉพาะที่เป็นข่าวก็คือการลดค่าใช้จ่ายให้ทั้งไฟฟ้าและน้ำมันและจะยังคง “ทำอยู่” ต่อไปถึงเมษายน 2567 “แม้เป็นมาตรการชั่วคราวภายใต้โครงสร้างพลังงานปัจจุบัน ที่ต้องไหว้วอนและขอความร่วมมือจากหลายๆฝ่าย ก็ยังดีกว่าไม่ลงมือทำอะไร”

ล่าสุด ก่อนสิ้นปีผมได้มอบของขวัญเรื่องค่าก๊าซ NGV สำหรับรถแท็กซี่และรถบริการสาธารณะบางประเภทที่มาขอความเป็นธรรมเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นอีกเรื่องที่ “ทำจริง” ใช้เวลาดำเนินการเรื่องนี้เพียง 1 เดือนครึ่ง เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าถ้าจะ “ทำจริง” ก็ทำได้ ไม่ว่าจะภายใต้โครงสร้างพลังงานที่ถูกหรือผิด แต่ถ้าจะ “ทำจริง” ก็ทำได้ทั้งนั้น โครงสร้างมันจะถูกจะผิดเดี๋ยวว่ากัน แต่วันนี้ “ลงมือทำ” ดีกว่า “รอไปก่อน” ถูกไหมครับ ผมระลึกเสมอว่าผมเข้ามาทำงาน มาทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชน ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนชีวิตส่วนตัวของผม อะไรที่เป็นทุกข์ของประชาชนในความรับผิดชอบของผม ผมจะ “รื้อ” ทิ้งให้หมด เพื่อ “ลด” ภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพื่อ “ปลด” พันธนาการชีวิตจากค่าพลังงานที่ควบคุมไม่ได้ และจะ “สร้าง” ระบบพลังงานของประเทศขึ้นใหม่ให้มีความเป็นธรรมอย่างมั่นคงและยั่งยืนเพื่อคนไทยและประเทศไทยของเรา ตามนโยบาย “รื้อ ลด ปลด สร้าง” และแนวทางการทำงานแบบ “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” ของพรรครวมไทยสร้างชาติ กว่าจะถึงวันนี้ ก็เป็นไปตามคาดเพราะต้อง “ต่อสู้” อย่างเข้มข้นครับ
- ภาพขนหัวลุก หนุ่มถ่ายรูป เคาท์ดาวน์ปีใหม่ แต่กลับพบสิ่งผิดปกติ
- คลิปไวรัล เหล้าเข้าปากองค์บากเข้าสิง ท้าตีท้าต่อยโชว์ความเก๋า
- ประกาศหมาหาย ตามหาเจ้าของ นักดับเพลิง ลั่น มันกินข้าวหมดสถานีแล้ว
ต้องขอบคุณประธานที่ปรึกษาของผม ท่านณอคุณ สิทธิพงศ์ คณะที่ปรึกษา คณะทำงาน ปลัดกระทรวงพลังงาน ท่านประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดี ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานทุกคน ตลอดจนรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังทุกคน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นำโดยท่านประธาน ท่านเสมอใจ ศุขสุเมฆ รวมถึง กฟผ. ปตท. และอีกหลายๆท่านที่ช่วยกันและร่วมมือกันเต็มที่ตามนโยบายแรก คือ “ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชน” ที่สำคัญคือ ท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ที่ให้การสนับสนุนการทำงานของผมและกระทรวงพลังงานตลอดมา ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)

สำหรับสิ่งที่ผมเตรียมจะ “ทำต่อ” ให้ดีขึ้นในปี 2567 จะไม่ใช่แค่การปรับโครงสร้าง แต่ผมจะ “รื้อ” ระบบที่มีผู้ได้รับประโยชน์มหาศาลมายาวนาน ต่อไปผู้ที่จะได้ประโยชน์คือคนไทยและประเทศไทยเท่านั้นครับ แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าการ “รื้อ” ครั้งนี้ จะมีคนคัดค้านมากมาย เพราะผู้ที่เคยได้ประโยชน์แบบรากงอกต้องเสียประโยชน์มหาศาล คนเหล่านี้ที่ผ่านมาใช้ระบบ “สปอนเซอร์” เป็นเกราะคุ้มตัวตลอดมา แต่ผมไม่กลัวและจะทำ เพราะจะเป็นการ “รื้อ” เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ประเทศและประชาชนแบบมั่นคงและยั่งยืน ความจริงผมเริ่ม “รื้อ” มาแล้วแต่ไม่ได้ประชาสัมพันธ์มากมาย ด้วยการโยกก๊าซธรรมชาติที่ได้จากอ่าวไทยในส่วนที่นำไปใช้ผลิตปิโตรเคมีหากำไรเพื่อบริษัทในราคาต้นทุนต่ำเท่ากับราคาต้นทุนก๊าซ LPG ที่นำมาให้ประชาชนใช้หุงต้มดำรงชีวิต ให้ไปอยู่ถูกที่ถูกทางใน Pool Gas ทำให้ต้นทุนการนำก๊าซธรรมชาติส่วนนี้ไปใช้ในด้านปิโตรเคมีเพิ่มสูงขึ้น แต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องและช่วยลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนลงได้ส่วนหนึ่งในครั้งล่าสุดนี้ด้วย ความจริงมีการเรียกร้องเรื่องนี้มานานแต่ไม่มีใครทำ ผม “ทำแล้ว” โดยการเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 19ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ต้องขอบคุณคณะกรรมการ กพช. ทุกท่านด้วยครับ
นอกจากนี้ ในปี 2567 ผมจะ “รื้อ” ระเบียบหลักเกณฑ์เพื่อให้การใช้พลังงานไฟฟ้าจาก Solar Roof Top ภายในครัวเรือน เป็นไปโดยสะดวกไม่ยุ่งยากอีกต่อไป และจะเริ่มดำเนินการตามนโยบาย “เปิดเสรีการนำเข้าน้ำมัน” ด้วย ผมขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับกำลังใจจากทุกท่านและการเป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงานตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจครับว่าผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยและคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านตลอดไป โดยเฉพาะในปี 2567 ที่สำคัญนี้ครับ