อธิบดีกรมการข้าว เผยแผนล่อซื้อ ‘ศรีสุวรรณ’ แค้นใจโดน ตบทรัพย์ 1.5 ล้าน ลั่น! ผมเป็นข้าราชการระดับสูง ผมเสี่ยงขนาดไหน ถ้าผมไม่มั่นใจจะเกิดอะไรขึ้น
วันที่ 30 มกราคม 2567 นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ชี้แจง กรณีซ้อนแผนแจ้งจับนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน และพวกที่รีดไถเงินอ้างเพื่อยุติการสอบสวนคดีทุจริตภายในกรม และกรณีพาดพิงถึงนายหมู ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณัฏฐกิตติ์ ได้กล่าวกับเรื่องนี้ ว่า ตนเองกับภรรยาได้รวบรวมข้อมูลมานานพอสมควรก่อนไปแจ้งความดำเนินคดี ทีมงานที่ปรึกษารัฐมนตรี ไม่มีใครทราบเรื่องนี้สักคน
ด้วยความรำคาญใจ ตนเองและภรรยา จึงตัดสินใจไปหานายศรีสุวรรณ ที่บ้านพร้อมกับ พี่หมู ซึ่งศรีสุวรรณ เป็นรุ่นน้อง ม.แม่โจ้ เพื่อให้ไปเป็นพยานว่าไม่ได้จ่ายเงินและไม่ได้คุยเรื่องเคลียร์เงิน แต่ไปคุยว่าผลการสอบสวนการร้องเรียนโครงการต่าง ๆ ออกมาแล้ว ตนเองก็ไม่ได้ผิดอะไร จึงไปถามว่าจะร้องอะไร ซึ่งนายศรีสุวรรณก็ไม่ได้ตอบโต้ พร้อมยืนยันว่าตนเองเป็นคนพุทธแขวนพระเต็มอก ไม่ได้โกหกอะไรแน่นอน
จากนั้นนายศรีสุวรรณ ได้แถลงข่าวร้องเรียนเรื่องฝนหลวงที่สภาฯ และไม่ได้พบกันอีก มีเพียงภรรยาที่ไปพบ ซึ่งการให้เงินนายศรีสุวรรณทุกครั้ง เป็นการล่อซื้อที่ได้หารือกับตำรวจ

“ด้วยความคับแค้นเจ็บใจ และความที่ตนเองเป็นคนหัวร้อน ตนเองกับภรรยาจึงวางแผนเพื่อไม่ให้รัฐมนตรีต้องเดือดร้อน จึงจ้างทนายความมาสู้คดี ตายเป็นตาย” ซึ่งผลการสอบสวนก็ชี้ชัดว่าตนเองไม่ได้ทำผิด หลังนายศรีสุวรรณถูกจับ ตนเองจึงโทรศัพท์ไปแจ้งให้รัฐมนตรีทราบ และกราบขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีก็ได้ให้กำลังใจตนเอง และบอกว่าจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบอีกครั้ง เราขอโทษนาย ที่ไม่ได้บอกก่อน เพราะกลัวทีมงานนายเดือดร้อน เรื่องนี้เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของข้าราชการคนหนึ่ง ทั้งกับตนเองและครอบครัว ที่ต้องมาเผชิญกับเรื่องอะไรก็ไม่รู้
มันเป็นใคร ประเทศไทยอยู่ได้ยังไง ถ้ามีคนประเภทนี้ ผมจึงวางแผนกันเอง โดยที่ไม่ให้ทีมงานท่านรัฐมนตรีเดือดร้อน ก็พอมีเงินอยู่ กลัวอะไร สู้ไม่ได้ ก็แจ้งทนายนายสู้สิ ไม่ต้องไปเดือดร้อนใคร ผมจึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งไปที่ ป.ป.ป. ด้วยความรำคาญ
ส่วนที่มีข่าวว่า อดีตนักการเมืองชื่อ ป.สั่งให้เงียบ นั้น นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ใครจะพูดอะไรตนเองไม่ทราบ ต้องฟังจากปากตนเองเท่านั้น หลังเกิดเรื่องมีใครโทรหาตนเองก็ไม่รับ และไม่มีใครโทรหาภรรยาเช่นกัน ยืนยันว่าโครงการต่าง ๆ ของกรมการข้าวตรวจสอบได้ทั้งหมด ไม่ทราบว่าทำไมตนเองถึงตกเป็นเป้า หรือเป็นการสกัดทางการเมืองหรือไม่
ก่อน วันที่ 28 พ.ย.66 ที่ไปพบนายศรีสุวรรณนั้น เจ้าตัวติดต่อเข้ามาอย่างไร นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า เจ้าตัวมีเรื่องร้องเรียนเข้ามามากมาย จนตนทนรำคาญไม่ไหว แต่ที่ตนทราบว่ามีการร้องเรียนถึงตนนั้น เหตุเพราะมีจดหมายร้องเรียนเข้ามา แต่จ่าหน้าซองผิด แทนที่จะเป็น รมว.เกษตรฯ กลับจ่าหน้าเป็นชื่อตน จึงรู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ก่อนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา

นายณัฏฐกิตติ์ ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์กับนายศรีสุวรรณว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ม.แม่โจ้ ซึ่งหากเป็นสมัยก่อนได้โดนก้านกล้วยรอบสระ และโกนหัวครึ่งซีกแน่
ส่วนที่มีการ โยกย้ายงบประมาณโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,000 ล้านบาท นั้น เป็นงบที่ไม่ได้ใช้ กรมการข้าวไม่ได้บริหารเอง จึงต้องโอนไปให้ ธ.ก.ส.บริหารจัดการต่อ ซึ่งมีมติ ครม.ออกมาแล้ว
“ผมรับราชการ มีธุรกิจครอบครัวทำด้วยความสุจริตที่เจ็บใจมากที่สุดกว่าจะเลี้ยงได้แต่ละตัว แต่กลับบอกว่าภรรยาของผมค้าตีนไก่ พูดเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร สะท้อนแล้วว่าสังคมไทยเป็นเช่นนี้ ต้องจัดการ” นายณัฏฐกิตติ์ กล่าว