นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี นาย สิระ เจนจาคะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมแถลงข่าวว่ามีประชาชนที่เกาะงำ จ.ภูเก็ต มาร้องเรียนว่าถูกตนข่มขู่ให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว
โดย ระบุว่า ตนได้เดินทางไปที่เกาะงำ 2 ครั้ง ครั้งแรกเดินทางเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นการเดินทางก่อนมีการเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ในช่วงการหาเสียงและชาวบ้านได้เล่าให้ตนฟังว่าเกาะงำมีนายทุนหมายปองจะฮุบเป็นของส่วนตัว โดยเกาะดังกล่าวไม่มีผู้คนอยู่อาศัย มีผู้คนอยู่แค่ครอบครัวเดียวที่ดูแลเกาะนี้ และชาวบ้านบอกว่าครอบครัวดังกล่าวทำหน้าที่ดูแลเกาะ ดูแลผลประโยชน์ให้กับนายทุน
เมื่อได้รับแจ้งดังนั้น ตนจึงเดินทางไปยังเกาะดังกล่าวเพื่อสำรวจดู แต่ก็ใช้เวลาไม่มาก ยังไม่ทันได้เจอใคร ก็มีภารกิจที่จะต้องกลับก่อน แต่ก็พอทราบว่าเกาะดังกล่าวมีความสวยงาม มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งตนได้เดินทางไปเกาะงำอีกครั้งในวันที่ 8 กันยายน 2562 หลังจากที่มีชาวบ้านได้ร้องเรียนว่าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเกาะดังกล่าวได้ เมื่อชาวบ้านพานักท่องเที่ยวไปที่เกาะก็พบว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า ชาวบ้านจึงร้องเรียนมาที่ตน ตนจึงตัดสินใจลงพื้นที่เพื่อสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น
โดยในวันที่นั้น ทางชาวบ้านก็ได้ประสานกับทางป่าไม้ เพื่อจะได้ลงพื้นที่พร้อมกัน ซึ่งในวันนั้นตน ทีมงาน ชาวบ้านและป่าไม้ ได้ประชุมร่วมกัน มีการพูดคุยกันก่อน ไม่ใช่อยู่ๆ ก็ไปลงพื้นที่ โดยมีชาวบ้านเป็นคนพาไป เมื่อไปถึงก็มีครอบครัวนี้อยู่เพียง 1 ครอบครัว โดยบรรยากาศในการพูดคุยจะบอกว่าแฮปปี้แอนดิ้งก็คงเป็นไปไม่ได้ ก็จะเป็นการถามไถ่ ว่าทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ ประกอบอาชีพอะไร มีเอกสารสิทธิ์อะไรที่แสดงว่าเขาสามารถครอบครองที่ดินได้ ลุงชี้แจงว่า ไม่ได้มีเอกสาร และเป็นชาวบ้านมาจากที่อื่น ไม่มีที่ทำกินเลยมาอยู่ที่นี่
ส.ส. ก้าวไกล กล่าวอีกว่า ตนตระหนักว่าการพูดคุยต้องไม่รุนแรงเพราะมีเด็กเล็ก ซึ่งเด็กๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสดี ระหว่างการพูดคุยก็เตะบอลกันปกติ ไม่มีความรุนแรงข่มขู่หรือเอาตัวไปกักขังที่ใดที่หนึ่ง เพื่อกดดันให้ครอบครัวนี้ออกจากเกาะ เพียงแต่มีการตกลงโดยเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ว่าให้ทำเป็นเอ็มโอยูเขียนด้วยลายมือให้ลุงเตรียมตัวออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตนเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้แตกต่างจากประเด็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในป่า เพราะเรื่องนี้เริ่มจากการใช้ความรุนแรงเพื่อฮุบเป็นเกาะส่วนตัว ตนจึงต้องลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญห แต่เรื่องนี้สิระ และนายชัยยันต์ อาจจะรู้ดีที่สุดว่าจะมีการฮุบหรือไม่ฮุบ ซึ่งที่ดิน 120 ไร่ เป็นของครอบครัวนี้ 80 ไร่ มูลค่าไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท เราพยายามแก้ปัญหาไม่ให้เกิดความรุนแรง ยืนยันว่าไม่ได้กระทำตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด และวันนั้นไม่มีชายชุดดำไปลงพื้นที่กับเรา
“เจ้าของบ้านมีกล้องวงจรปิด ถ้าผมทำจริงเอาเด็กไปขังลักพาตัวเด็ก แตะเนื้อต้องตัวลุง ให้เอาวิดีโอมาแสดง เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีตั้งแต่ปี 62 คงคิดเป็นอื่นไม่ได้ที่เอาเรื่องนี้มาใช้เวลานี้ เพราะใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลจะถูกซักฟอกใช่หรือไม่ เพราะการอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายที่ฝ่ายรัฐบาลกังวลใจจริงๆ กังวลว่าจะอยู่ต่อไม่ได้ ต้องใช้วิธีการแบบนี้ดิสเครดิตทางการเมืองผม ทำลายการอภิปรายของพรรคก้าวไกล และฝ่ายค้าน ซึ่งผมรู้สึกผิดหวังว่าคนที่ยืนข้างนายสิระ คือนายชัยยันต์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าทำไมมาทำลายการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เราร่วมแรงร่วมใจกันในครั้งนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าตนใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) เพราะตอนนั้นยังไม่มีกมธ. และตนเป็นส.ส.สมัยแรกที่เพิ่งทำงานได้เพียงแค่ 6 เดือน และ 2 ปีที่ผ่านมาสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีผลประโยชน์กับเกาะนี้ จึงขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร นอกจากหวังผลเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และอาจจะมีขบวนการฮุบที่ดินนี้หรือไม่ เราต้องช่วยกันหยุดไม่ให้มีขบวนการฮุบเกาะดังกล่าวเป็นเกาะส่วนตัวจนชาวบ้านใช้ประโยชน์ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ตนจะไปยื่นแจ้งความดำเนินคดีนายสิระ และนายชัยยันต์ ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพราะละเมิดทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ เพราะหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ตามปกติตนรับได้ แต่เมื่อเป็นการใส่ร้ายป้ายสีข้อหารุนแรงตนจะไม่ยอมเพราะรับไม่ได้