เทพไท อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โต้กระแสแชทคนในพรรคปชป.หลุดแห่ให้กำลังใจ ปริญญ์ ผู้ต้องสงสัยขืนใจเหยื่อสาว
ความเคลื่อนไหวกรณี นักการเมือง อดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองชื่อดังหลอกลวงเหยื่อสาวไปข่มขืนกระทำชำเรา จำนวนหลายราย ก่อนจะมีผู้ต้องหา เดินทางแจ้งความตำรวจ สน.ลุมพินี โดยคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายเป็นนักศึกษาหญิง วัย 18 ปี และ นักการเมืองหญิง รวมอยู่ด้วย
จากประเด็นฉาสดังกล่าว ล่าสุด นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์ ระบุว่า

จากกรณีที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ถูกข้อกล่าวหาว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศ จนได้ลาออกจากทุกตำแหน่งภายในพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว ซึ่งเป็นความผิดส่วนตัว และไม่อยากให้ไปเกี่ยวข้องกับพรรค แต่ก็มีคนบางกลุ่ม สื่อบางสำนัก ใช้สื่อโซเชียลปั่นกระแส พยายามพุ่งเป้าโจมตีทำลายพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมต่อพรรคเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อนายปริญญ์ได้แสดงความรับผิดชอบต่อพรรค โดยการลาออกจากทุกตำแหน่งแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็มีหน้าที่ต้องดำเนินการกับนายปริญญ์ ในฐานะสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ตามข้อบังคับพรรค ที่มีข้อกำหนดไว้อย่างชัดเจน
ส่วนตัวได้กล่าวขอบคุณที่นายปริญญ์ ที่ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรค ด้วยความสมัครใจ ไม่มีการบีบบังคับให้ลาออก ถือว่าเป็นการแสดงสปิริตเพื่อรักษาบรรทัดฐานของพรรคไว้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีความ หรือการละเมิดทางเพศหรือเกี่ยวกับจริยธรรมแต่อย่างใด ส่วนการดำเนินคดี ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ตามข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด

สำหรับกรณีที่มีสื่อบางสำนัก เสนอข่าวเรื่องแชทหลุดว่า มีผู้บริหารพรรค และคนในพรรคประชาธิปัตย์ให้กำลังใจนายปริญญ์ในเรื่องนี้นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะในกลุ่มไลน์ของพรรค ยังไม่มี ส.ส.คนใดหรือกรรมการบริหารพรรคคนใด ให้กำลังใจหรือปกป้องนายปริญญ์เลย มีแต่สนับสนุนให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเชื่อว่าคำพิพากษาของศาลยุติธรรมเท่านั้น คือคำตอบสุดท้าย
จากปรากฎการณ์ของนายปริญญ์ จะเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ในการคัดสรรบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจของพรรคให้มีความรอบคอบ รัดกุมให้มากกว่านี้ ในสมัยอดีตที่ผ่านมา บุคคลที่จะเข้าสู่ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค จะต้องเป็นสมาชิกพรรค และทำงานกับพรรคเป็นเวลายาวนานพอสมควร ถ้าเป็น ส.ส.ของพรรค ก็จะเป็น ส.ส.มาแล้วหลายสมัย กว่าจะก้าวสู่การเป็นกรรมการบริหารพรรคได้
แต่การเข้าสู่ตำแหน่งภายในพรรคของนายปริญญ์ นับว่ากรณีพิเศษ ที่เป็นรองหัวหน้าพรรคโดยไม่ได้ผ่านการเป็น ส.ส.หรือผู้บริหารพรรค หรือในตำแหน่งอื่นในพรรคมาก่อน จึงทำให้ไม่สามารถพิสูจน์จุดยืน แนวความคิด หรือประวัติส่วนตัวได้อย่างชัดเจน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ย่อมกระทบต่อขวัญกำลังใจของสมาชิกพรรคทั่วประเทศ และชื่อเสียงของพรรคอย่างปฎิเสธไม่ได้ แต่ขอให้เชื่อมั่นในความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอุดมการณ์มั่นคง จุดยืนชัดเจน จะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด ยึดความถูกต้องเป็นหลัก เคารพในหลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นที่ตั้ง มายาวนานถึง 76 ปี

จากกระแสข่าวที่ออกมา นาย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ นักการเมืองที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเรื่องฉาวดังกล่าวได้ตัดสินใจลาออก จากการเป็นรองหัวหน้าพรรคการเมืองแห่งหนึ่งทันที พร้อมเผยเหตุผลว่า แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ได้กระทบกับพรรคที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่
ซึ่งตนต้องรับผิดชอบกับงาน และยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง ตนจึงของลาออกจากทุกตำแหน่งใพรรคเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยตนยอมรับว่ารู้สึกช็อคและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดีย โดยตนยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ และไม่ใช่ความจริงหลายคนที่รู้จักตน รู้ดีตนไม่ใช่คนอย่างนั้น
อ่านข่าวอื่นเพิ่มเติม
ทนายเดชา ลั่น! เมื่อมีหมายจับก็ต้องจับ ปมฉาวรองหัวหน้าพรรคลวนลามสาว
นพ.เรวัต ชี้ นักการเมืองขืนใจสาว สะท้อนเหลื่อมล้ำผู้มีอำนาจกับประชาชน
แอนนา หวั่นนาย ป. หลบหนี ซัดก่อเหตุฉาวร่วม 20 ปี วอนอย่าโยงการเมือง