องค์การอนามัยโลก (WHO) ทำการ เปลี่ยนชื่อใหม่ โควิด-19 สายกลายพันธุ์ โดยจะใช้อักษรกรีก แทนการเรียกชื่อสายพันธุ์ด้วยชื่อประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการตีตราประเทศต่าง ๆ ว่าเป็นต้นกำเนิดของโควิด-19 สายพันธุ์นั้น ๆ
การเปลี่ยนชื่อเรียกนี้ไม่เกี่ยวกับชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ ซึ่งเดิมให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ และจะยังคงใช้ในการวิจัยต่อไป ชื่อวิทยาศาสตร์ เช่น โควิด-19 B.1.1.7 เป็นต้น
“ชื่อทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้อาจพูดและจำได้ยาก และมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการรายงานผิด ด้วยเหตุนี้ ผู้คนมักหันไปเรียกตามสถานที่ที่ตรวจพบเชื้อ ซึ่งกลับกลายเป็นการตีตรา เลือกปฏิบัติ หรือดูถูกประเทศนั้น” WHO ระบุ
WHO ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเรียกสายพันธุ์ต่าง ๆ ด้วยชื่อประเทศหรือพื้นที่ที่พบเชื้อ แต่เป็นการเรียกของสื่อเพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสารและจดจำ “แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการตีตราและทำให้การสื่อสารสาธารณะง่ายขึ้น WHO สนับสนุนให้หน่วยงานระดับชาติ สื่อ และองค์กรต่าง ๆ นำวิธีเรียกสายพันธุ์โควิด-19 แบบใหม่มาใช้”
สายพันธุ์ที่ต้องกังวล (Variants of Concern; VOC) 4 สายพันธุ์
- สายพันธุ์ B.1.1.7 เดิมเรียก “สายพันธุ์อังกฤษ/สายพันธุ์เคนต์” เปลี่ยนเป็น “สายพันธุ์อัลฟ่า (Alpha)”
- สายพันธุ์ B.1.351 เดิมเรียก “สายพันธุ์แอฟริกาใต้” เปลี่ยนเป็น “สายพันธุ์เบต้า (Beta)”
- สายพันธุ์ P.1 เดิมเรียก “สายพันธุ์บราซิล” เปลี่ยนเป็น “สายพันธุ์แกมม่า (Gamma)”
- สายพันธุ์ B.1.617.2 เดิมเรียก “สายพันธุ์อินเดีย” เปลี่ยนเป็น “สายพันธุ์เดลต้า (Delta)”

มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ นักระบาดวิทยาของ WHO กล่าวว่า การใช้ชื่อเรียกสายพันธุ์แบบใหม่ “จะทำให้ไม่มีประเทศใดถูกตราหน้าว่าเป็นต้นตอการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์นั้น ๆ”