นักวิจัยสังเกต!อัตราฆ่าตัวตายพุ่งสูงช่วง ล็อกดาวน์ อาจเกิดจากพิษเศรษฐกิจ

ล็อกดาวน์ — เพจเฟซบุ๊ก BIOTHAI รายงานกองยุทธศาสตร์แผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยผลสำรวจอัตราการฆ่าตัวตาย ปีงบประมาณ 2563 (ตุลาคม 2562 – กันยายน 2563) โดยพบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5,086 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.75 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน

สำหรับจังหวัดที่มีอัตราผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายต่อประชากรแสนคนสูงสุดห้าลำดับแรกได้แก่ ตาก (16.41) แม่ฮ่องสอน (15.40), เชียงใหม่ (14.92), สระแก้ว (12.46) และ จันทบุรี (12.17)

ไบโอไทยตรวจสอบสถิติย้อนหลัง พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายในปี 2563 เป็นสถิติที่มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในรอบ 18 ปี โดยเมื่อปีที่แล้ว คณะนักวิจัยคณะหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอัตราการฆ่าตัวตายที่พุ่งสูงขึ้นระหว่างการล็อคดาวน์รอบแรกว่า อาจเกิดจากเกิดจากปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ก่อนการระบาดของโควิด ธนาคารโลกออกรายงานความเหลื่อมล้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเดือนมีนาคม 2563 พบว่าตัวเลขประชากรไทยที่อยู่ใต้เส้นความยากจนเพิ่มขึ้นจาก 7.2% เป็น 9.8% ระหว่างปี 2558-2561 หรือเพิ่มขึ้นจาก 4.8 ล้านคน มาเป็น 6.7 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราการฆ่าตัวตายในปี 2563 ยังต่ำกว่าอัตราการฆ่าตัวตายหลังวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายมากกว่า 8 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ระหว่างปี 2541-2543

การประคับประคองเศรษฐกิจให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และสร้างหลักประกันให้ทุกคนในสังคมไทยสามารถเข้าถึงอาหารและการรักษาพยาบาล ควบคู่กับการรับมือกับการระบาดใหญ่ เป็นเรื่องท้าทายของสังคมไทยมากที่สุดในช่วงชีวิตของพวกเรา

เช็คด่วน! รายชื่อ 66 สถานที่ท่องเที่ยวที่ประกาศปิดชั่วคราว เพื่อควบคุมโควิด19 ระบาด

หมอยง เผย โควิด19 สายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ พบในประเทศไทยแล้ว

น่ากังวลมาก! หมอธีระ ชี้อัตราติดเชื้อ โควิด19 กว่า 10% แนะไม่สบายรีบตรวจ