แฉกลโกง! แก๊งคอลเซ็นเตอร์หัวหมอ กักขังเหยื่อวัย 20 ปี นาน 7 วัน ขู่เรียกค่าหลอกเงินครอบครัว พ่อ-แม่รู้ทันแจ้ง ตร. โล่ช่วยลูก
วันที่ 19 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 ตำรวจสืบนครบาล และ ตำรวจบก.น. 4 สน.วังทองหลาง บุกเข้าช่วยเหลือ “เด็กหนุ่ม“ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์กักขังตัวเรียกค่าไถ่เพื่อแลกกับความปลอดภัยของ “ลูกชาย” ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านวังทองหลาง

พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหนาที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพ่อแม่ของผู้เสียหายว่า ลูกชายได้ถูกลักพาตัวไป พ่อแม่จึงเดินทางมาขอให้ตำรวจช่วย
ก่อนหน้านี้ได้มีค่ายโทรศัพท์มือถือโทรมาหาผู้เสียหาย โดยอ้างว่าผู้เสียหายไปเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงินและให้ไปแสดงตัวที่ สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ แต่ผู้เสียหายไม่สะดวกเดินทางไป จึงบังคับให้ผู้เสียหายเปิดห้องพักย่านวังทองหลาง และวิดิโอคอลคุยกับขบวนการคอลเซนเตอร์ตลอดเวลาแม้กระทั่งเวลากินข้าว
การหลอกเกิดขึ้นตลอดเวลาต่อเนื่อง 7 วัน ซึ่งวันที่เข้าไปช่วยก็พบว่ามีการพูดคุยกันนานถึงกว่า 17 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังให้ผู้เสียหายโอนเงินครั้งแรกรงม 3 รอบ เป็นจำนวน 150,000 บาท โดยในระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุได้มีการคอลให้ผู้เสียหายคุยกับบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปปง. และเจ้าหน้าที่ธุรกรรมบัญชี
หลังจากหลอกเด็กจนเงินหมดแล้วก็ได้สั่งให้ไปหลอกพ่อแม่ ว่า สอบติดทุนเรียนต่อต่างประเทศและจะนำเงินไปเรียน แต่จะต้องใช้เงินค้ำประกัน 500,000 บาท ซึ่งครอบครัวผู้เสียหายได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีของลูกชาย หลังจากนั้นผู้เสียหาย ก็โอนต่อไปยังให้กลุ่มคอลเซนเตอร์
พอหมดวิธีโกหกในเรื่องของการเรียนต่อต่างประเทศแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้ให้ผู้เสียหายหลอกพ่อแม่ว่าโดนลักพาตัว และจะโดนทำร้ายร่างกาย รวมถึงนำไปขายที่ต่างประเทศ พร้อมทั้งข่มขู่พ่อแม่ของผู้เสียหาย ให้โอนเงินมาอีก 150,000 บาท
ทางด้านพ่อแม่ของผู้เสียหายกลับรู้สึกแปลกใจจึงเดินทางมาแจ้งความกับตำรวจที่ สน.วังทองหลาง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มปฏิบัติการค้นหาผู้เสียหายทันที ซึ่งในช่วงแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นหาก็พยายามเจาะไปตามโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่วังทองหลางเนื่องจากว่าผู้เสียหายไม่ยอมบอกพิกัดที่อยู่ โดยในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงห้องพักที่ผู้เสียหายพักอยู่นั้น เจ้าตัวก็ยังคงพูดคุยอยู่กับขบวนการคอลเซนเตอร์ตลอดเวลา
ด้านนาย ณัฐวรรธน์ พ่อของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ลูกชายได้มาบอกกับตัวเองว่าได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ โดยมีการอ้างชื่ออาจารย์ซึ่งดูแลเรื่องโครงการทุนของมหาวิทยาลัย ตัวเองได้หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็พบว่ามีชื่ออาจารย์คนดังกล่าวจริง แต่ไม่มีชื่อโครงการทุนของมหาวิทยาลัย ประกอบกับเมื่อสอบถามข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับที่พักและสถานที่เรียน ก็พบว่าลูกพูดจาวกไปวนมาจึงทำให้เริ่มเอะใจและได้เตือนลูกว่าไม่มีหลักสูตรดังกล่าวอยู่จริง แต่ตัวเองก็ได้โอนเงินให้ลูกเพราะรักและเชื่อใจ จากนั้นตัวเองได้ไปสอบถามข้อมูลจากอาจารย์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยยืนยันว่ากรณีดังกล่าวน่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่มีการเอาชื่ออาจารย์ไปแอบอ้าง
ต่อมากลุ่มมิจฉาชีพโทรศัพท์มาหาตัวเองพร้อมกับส่งรูปภาพรถจักรยานยนต์ล้มเพื่อสร้างสถานการณ์ข่มขู่และให้โอนเงินมา 150,000 บาท เพื่อแลกกับความปลอดภัยของลูก โดยอ้างว่าลูกเป็นหนี้การพนันรวมถึงยังข่มขู่ว่าขณะนี้ได้พาตัวลูกชายของตัวเองไปที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว
ตนจึงเดินทางจากจังหวัดขอนแก่นมาแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลางเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งตัวเองและภรรยาได้โอนเงินให้กลุ่มมิจฉาชีพรวมทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 520,000 บาท โดยหลังตำรวจได้ช่วยเหลือลูกชายตัวเองออกมา ทางแม่ของผู้เสียหายได้เข้าโอบกอดลูก ขณะเดียวกันตนก็ได้มีการพูดคุยกับลูกพบว่าสภาพจิตใจขณะนี้ ยังอยู่ในภาวะกังวลหวาดกลัวและหวาดระแวง ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้มีการตำหนิแต่ได้มีการปลอบใจและขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน
