ทนไม่ไหวแล้ว! ชาวบ้านลำพูนเดือดร้อนหนัก หลังฟาร์มกัญชา ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งทั้งปี ทำเด็กเลือดกำเดาไหล-ผื่นขึ้น เจ้าของยืนยันจะปลูกต่อ-ไม่ย้าย
กลายเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านสันมะกรูด ต.บ้านแป้น อ.เมืองลำพูน จนต้องขึ้นป้ายร้องทุกข์ติดตามรั้วบ้านของตนเอง ที่อาศัยอยู่ใกล้กับฟาร์มปลูกกัญชาขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่นับ 10 ไร่ ของเพื่อนบ้านรายหนึ่งที่อยู่กลางหมู่บ้าน ส่งผลกระทบกลิ่นของกัญชามานานกว่า 2 ปี
ชาวบ้านเล่าว่ากัญชาในแปลงปลูกดังกล่าวส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วรัศมี 1 กิโลเมตร โดยเฉพาะช่วงที่ต้นกัญชาออกช่อดอกระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งเจ้าของฟาร์มกัญชา ได้ปลูกเป็นรุ่นๆ แต่ละรุ่นใช้เวลาปลูกประมาณ 2 เดือนทำให้เหม็นกลิ่นกัญชาแทบทุกวัน ต้องปิดประตูอาศัยอยู่ในบ้านถ้าหากมาทำธุระข้างนอกต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่ก็ป้องกันกลิ่นได้ไม่มาก
ขณะที่บางรายเหม็นกลิ่นกัญชา จนนอนไม่หลับต้องหายานอนหลับมาทานจนเกิดความเครียด บางรายมีอาการแพ้ เจ็บคอ จนกลายเป็นโรคภูมิแพ้ เกิดผดผื่นคันตามลำตัว และคอแห้งวิงเวียนศีรษะคล้ายคนเมากัญชา นอกจากนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ฟาร์มกัญชา นำรูปภาพที่เด็กชายอายุ 4 ขวบ และเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ เกิดอาการแพ้กัญชาจนเลือดกำเดาไหลจนเลอะกระดาษทิชชู ส่วนเด็กโตอายุ 18 ปี รายหนึ่งชาวบ้านคาดว่าแพ้กัญชาจนทำให้ผื่นขึ้นตามลำตัว

ชาวบ้านได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าจากการสืบค้นข้อมูล พ.ร.บ.สมุนไพรควบคุม(กัญชา)ทราบว่าการปลูกกัญชาต้องได้รับอนุญาตจากกรมแพทย์แผนไทย เมื่อผู้ยื่นได้รับอนุญาตแล้วแต่กลับไม่มีเรายละเอียดของพื้นที่ปลูกให้อยู่ห่างจากชุมชนมากน้อยแค่ไหนและผลกระทบจากกลิ่น ซึ่งหากเป็นกลิ่นเหม็นจากฟาร์มเลี้ยงหมูก็สามารถใช้เทคโนโลยีไปแก้ไขได้ แต่กลิ่นเหม็นจากกัญชาไม่สามารถแก้ไขได้ต้องปลูกให้ห่างจากชุมชน เนื่องจากอาจจะมีคนที่แพ้กัญชาอย่างรุนแรงจนอันตรายถึงชีวิตได้
ก่อนหน้านี้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นกัญชาจากฟาร์มปลูกกัญชาดังกล่าวได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเทศบาลท่าเชียงทอง ซึ่งได้มีการเรียกเจ้าของฟาร์มกัญชามาพูดคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นของกัญชาในฟาร์มดังกล่าวเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ซึ่งเจ้าของยังยืนยันจะปลูกกัญชา ขอให้ชาวบ้านอดทน และไม่ยอมย้ายแปลงปลูกให้ห่างจากชุมชนโดยให้เหตุผลว่าได้ลงทุนไปมาก ส่วนกรณีที่ย้ายไปปลูกกัญชาบนที่ดินอีกแปลงหนึ่งทางเจ้าของอ้างว่าจุดนั้นไฟฟ้าเข้าไม่ถึงต้องลากสายไฟฟ้าเข้าไปอีก 500 เมตร และยังทำเรื่องขอไม่ได้
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านอ้างว่าเด็กเล็กที่แพ้กัญชาจนป่วยเลือดกำเดาไหล และไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลให้ชาวบ้านเอาใบรับรองแพทย์มายืนยันระบุว่าเลือดกำเดาไหลมีสาเหตุมาจากแพ้กลิ่นกัญชา จนทำให้มีการถกเถียงกันทั้งสองฝ่ายจนหาข้อสรุปไม่ได้
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นกัญชาเล่าอีกว่า ได้รับผลกระทบจากกลิ่นกัญชาที่แปลงปลูกของเพื่อนบ้านมานานนับปี เคยยื่นหนังสือไปที่ศูนย์ดำรงธรรมผ่านไป 1 ปีก็ไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังเทศบาลท่าเชียงทอง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา
คนที่อาศัยอยู่รอบๆแปลงปลูกกัญชาได้รับความเดือดร้อนเรื่องกลิ่น ผู้สูงอายุ หายใจติดขัด แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ที่สำคัญคือเด็กเล็กแม้แต่ผู้ใหญ่ก็มีเลือดกำเดาไหล และนอนไม่หลับเนื่องจากเหม็นกลิ่นกัญชา ซึ่งชาวบ้านได้แก้ไขปัญหาเบื้องต้นคือปิดประตูหน้าต่างเปิดเครื่องปรับอากาศแต่ก็ไม่สามารถป้องกันกลิ่นได้ ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปรกติได้

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีการปิดประตูหน้าต่างก็ไม่สามารถป้องกันกลิ่นได้ ทำให้มีอาการนอนไม่หลับ คอแห้ง ปวดหัวต้องกินยาตลอด ส่วนลูกสาวของตนอายุ 7 ขวบ จะมีเลือดกำเดาไหลตลอด อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กและเด็กโต ซึ่งอาการเริ่มต้นจะแสบจมูก มีน้ำมูกหลังจากนั้นก็จะมีเลือดเป็นลิ่มออกมา
ซึ่งปรกติลูกตนเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพเลย แต่พอช่วงที่ต้นกัญชาในแปลงปลุกเริ่มออกช่อดอกลูกสาวตนจะมีอาการอย่างนี้ตลอด ระยะเวลาที่กัญชาจะส่งกลิ่นรบกวนประมาณ 3 อาทิตย์ต่อการปลูกกัญชา 1 ล็อต แต่เจ้าของก็จะปลูกมาเป็นรุ่นๆ ต่อๆกันไปเรื่อย ๆ ก็จะวนลูปแบบนี้ตลอดทั้งปี
ชาวบ้านกล่าวเพิ่มเติมว่าที่ผ่านมาชาวบ้านได้ให้โอกาสผู้ประกอบการระยะเวลานานนับปีแล้ว ประเด็นที่ชาวบ้านขอให้ผู้ประกอบการแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นกัญชา ได้มีการนำผ้าสแลนมาล้อมโรงเรือนปลูกกัญชา ซึ่งไม่สามารถกันกลิ่นกัญชาได้

ต่อมาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นกัญชาจากฟาร์มปลูกกัญชา ได้เดินทางไปที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ลำพูน ยื่นหนังสือร้องเรียนกรณีดังกล่าว นายธนวรรธน์ จันตัน นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สำนักงานสาธารณสุข เป็นตัวแทนรับเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวบ้าน และเปิดเผยว่า กฎหมายการจำหน่ายสมุนไพรควบคุมอย่างกัญชา ไม่ได้ระบุครอบคลุมกลิ่น
พ.ร.บ.สมุนไพรควบคุม(กัญชา) ระบุในเรื่องเงื่อนไขหลังได้รับการอนุญาตให้ปลูกคือ เรื่องของการส่งรายงาน ไม่โฆษณา ไม่จำหน่ายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร นิสิตนักเรียน นักศึกษา ห้ามสูบเพื่อการสันทนาการ ซึ่งเป็นเงื่อนไงในการจำหน่าย
ซึ่งเท่าที่ฟังชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้รายละเอียดผู้ประกอบการไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขในการจำหน่าย แต่ผิดในเรื่องของการส่งกลิ่นรบกวนชาวบ้าน ผิดในเรื่อง พ.ร.บ.สาธารณสุข ซึ่งมีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่อยู่ แต่ทางสาธารณสุขก็ไม่ได้ละเลย จะประสานไปยังหน่วยงานในพื้นที่ให้แก้ไขปัญหาและนำเรียนนายแพทย์สาธารณสุขให้ทราบเรื่องของเหตุสร้างความรำคาญและเรื่องผลกระทบคนในพื้นที่จากกลิ่นจนชาวบ้านทนไม่ไหวก็ต้องมีการดำเนินการให้เด็ดขาดมากกว่านี้