ความคืบหน้า กรณี ขอทานจีน – กัน จอมพลัง เจออีกเคสพร้อมเผยพฤติกรรมฉุนเฉียว อารมณ์รุนแรง ปาโทรศัพท์ วิ่งชนนักข่าว
ความคืบหน้ากรณี ขอทานจีน ที่ในตอนนี้นั้นมรแพร่หลายทั่วกรุง หลังจากที่ กัน จอมพลัง ได้ออกมาตีแผ่ความจริง ซึ่งในโพสต์แรกนั้น กัน จอม พลังได้ระบุข้อความว่า “ผมฝาก FC ทุกท่านช่วยกันสอดส่องหากใครพบหญิงใส่ชุดนักเรียนใบหน้าเละมาขอทานวันนี้ถ่ายภาพแจ้งพิกัดผมทีครับ เผื่อได้รู้ว่าใครทำพวกเค้า และจะขยายไปถึงหัวหน้าแก๊งได้ตอนนี้ผมกับ พม หาเจอ 3 คน จากประมาน 7 คน รายได้ต่อเดือนประมาน 2 ล้าน” หลังจากการโพสต์ครั้งนี้ทำให้สังคมตั้งคำถามทันทีว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นนั้น เป็นบาดแผลจากฝีมือมนุษย์หรือไม่
ต่อมาวานนี้ (20 พฤศจิกายน 2566) กัน จอมพลัง ก็ได้สืบขยายผลต่อ โดยการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปรากฎว่าพบอีกเคสที่เป็นคนจีนเหมือนกัน แต่ว่าเคสนี้พิการแขนด้วน ซึ่งมีรายงานจาก กัน จอมพลังว่า
“วันนี้ผมประสานท่าน ผกก สน ลุมพินี ท่านส่งตำรวจกระจายกำลัง 1 ชม รวบอีกคนนอกลิสที่ผมมี คนที่ 8 คนจีนแขนกุด นั่งขอทานไม่มีสัญลักษณ์ปั้มเข้าประเทศ นั่ง 30 นาที ได้ 900 และ ตอนนี้คนจีนไม่ยอมเซนเอกสาร จะให้ล่ามมาก่อนผมกำลังไปดักเจอล่าม ฝากทุกคนช่วยกันสอดส่องใครเห็นถ่ายรูปสดๆแจ้งพิกัดให้ผมทีนะครับ”
ขอทานจีน คนที่ 5
ล่าสุดวันนี้ 21 พฤศจิกายน 2566 ยังพบเจออีกหนึ่งเคส ซึ่งเคสนี้แตกต่างจากเคสอื่นๆ เพราะเจ้าตัวมีพฤติกรรมฉุนเฉียว พยายามที่จะปกปิดข้อมูล โดยการยื้อแย้งโทรศัพท์มือถือ และปาโทรศัพท์จนหน้าจอแตก ซึ่ง กัน จอมพลัง นั้นได้ระบุข้อความว่า
หลังจาก FC แจ้งผมว่าเจอลุง หน้าคล้ายโดนน้ำกรดนั่งขอทานย่านสีลม ผมจึงประสานท่าน ผกก บางรัก ท่านจัดกำลังไปกับผม พอลุงเห็นพยามจะลุกหนี และ วิ่งชนนักข่าวแต่ไม่รอดตำรวจพาตัวมาโรงพักตามคาด เป็นขอทานชาวจีน ไม่มีพาสปอร์ต ลุงเลยโทรหาเพื่อนแต่พอผมค้นเบอโทรเพื่อนกับมีชื่อคล้าย ว พนั.หลังจากตำตรวจเอาโทรศัพท์ไปดู ลุงกับเอาเท้าคีบโทรศัพท์แล้วปาจนแตก ทำให้ยิ่งสงสัยคนที่ 5 ในลิสถูกจับเรียบร้อย
ทั้งนี้ ทางด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ข่าวที่มี ขอทานจีน ได้มีการพบเห็นหลายที่ คาดว่าที่ผ่านมาอาจจะเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ
ซึ่งขณะนี้กระทรวงได้ประสานกับทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหากเป็นกรณีของคนไทยเรื่องก็จะลดความซับซ้อนลง เพราะผิดกฎหมายเรื่องขอทานอยู่แล้ว และกระทรวง พม.ก็สามารถดูแลได้ แต่กรณีนี้เป็นชาวต่างชาติก็จะมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น
