โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามยกเลิกสนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ กลุ่มคนเพศหลากหลาย (LGBTQ+)
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศนโยบายที่กำหนดให้การยอมรับทางเพศในประเทศมีเพียงสองเพศ คือ “ชาย” และ “หญิง” ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ พร้อมทั้งลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อยกเลิกนโยบายที่เคยสนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และสิทธิของกลุ่มคนเพศหลากหลาย (LGBTQ+)
คำสั่งดังกล่าวระบุให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้คำว่า “เพศ” (sex) แทนคำว่า “เพศสภาพ” (gender) ในเอกสารราชการ รวมถึงหนังสือเดินทาง และวีซ่า โดยยึดตาม “การจำแนกประเภททางชีวภาพที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” ของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ ทรัมป์ยังได้ลงนามยกเลิกคำสั่งบริหารที่ประกาศในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งมุ่งเน้นการสนับสนุนความหลากหลายและการต่อต้านการเลือกปฏิบัติ
ทรัมป์ เริ่มปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในช่วงหาเสียงทันทีหลังรับตำแหน่ง โดยยกเลิกคำสั่งบริหารของ ไบเดน รวมทั้งสิ้น 78 ฉบับ ในจำนวนนี้มีคำสั่งสำคัญกว่า 10 ฉบับที่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มเกย์ และคนข้ามเพศ

นอกจากนี้ คำสั่งของ ทรัมป์ ยังได้ยกเลิกคำสั่งบริหารที่ ไบเดน ลงนามตั้งแต่วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้แก่ คำสั่งว่าด้วยการสนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติในชุมชนที่ไม่ได้รับบริการอย่างเพียงพอ และคำสั่งว่าด้วยการต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลตามเพศสภาพ หรือรสนิยมทางเพศ
ทรัมป์ ยังยกเลิกนโยบายที่เคยให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มคนผิวสี ชนพื้นเมืองอเมริกัน คนเชื้อสายฮิสแปนิก คนอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และกลุ่มประชากรในหมู่เกาะแปซิฟิก โดยกล่าวว่าเขาจะดำเนินการเพื่อยุติการใช้ “วิศวกรรมสังคม” ที่แฝงเรื่องเชื้อชาติและเพศสภาพในทุกด้านของชีวิต
ในพิธีสาบานตน และแถลงสุนทรพจน์ ทรัมป์ระบุว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รัฐบาลสหรัฐฯ จะยึดมั่นในนโยบายที่รับรองบุคคลเพียงสองเพศ คือชายและหญิง และมุ่งสร้างสังคมที่ยึดคุณสมบัติและความสามารถ (merit-based) เป็นหลัก โดยไม่ให้ความสำคัญกับเชื้อชาติหรือเพศสภาพ”

คำสั่งนี้ยังระบุห้ามใช้เงินงบประมาณของรัฐในการสนับสนุนสิ่งที่ถูกเรียกว่า “อุดมการณ์ทางเพศ” ซึ่งมักถูกกลุ่มอนุรักษนิยมใช้โจมตีแนวคิดที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ นักสิทธิมนุษยชนแสดงความกังวลว่า คำสั่งดังกล่าวสะท้อนถึงการลดคุณค่าของกลุ่ม LGBTQ+
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เช่น Human Rights Campaign ได้ออกมาวิจารณ์คำสั่งนี้ พร้อมยืนยันว่าจะต่อสู้กับนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดย เคลลี โรบินสัน ประธานองค์กรฯ ระบุว่า “เราจะไม่ยอมถอยหรือถูกข่มขู่ เราจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของคนกลุ่มน้อย”
การยกเลิกนโยบาย DEI (Diversity, Equity, Inclusion) ของทรัมป์ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง หลายฝ่ายมองว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความพยายามที่ได้ทำมาอย่างยากลำบากเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางสังคม ขณะที่หลายบริษัท เช่น Costco และแอปเปิล ยังคงแสดงเจตจำนงสนับสนุนนโยบาย DEI อย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก MGR Oning