ชีวิตคนไม่เท่ากัน! สามีใจสลาย เปิดใจหลัง ภรรยาวัย 44 ปี ถูก ผู้บริหารคลินิกดัง ชนตกสะพานดับ เผย ลูก 3 คนต้องขาดแม่
จากกรณีนายปุณณมี อายุ 44 ปี ผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดัง เมาแล้วขับรถหรู ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น E220d ชนนางสาวฉวี อายุ 44 ปี ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิตขณะเดินทางมาจากชลบุรีเพื่อซื้อของกิ็ปช็อป ย่านสำเพ็งไปขาย เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2567 เวลาประมาณ 03.00 น. ที่ผ่านมา

จากการสอบสวนทราบว่านายปุณณมี เป็นผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ก่อนเกิดเหตุเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงจากสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อขับรถกลับบ้านโดยขับรถขึ้นสะพานไทย – ญี่ปุ่น มุ่งหน้าไปทางสถานีรถไฟหัวลำโพง แต่ขับมาด้วยความเร็วทำให้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ เบื้องต้นนายปุณณมีถูกแจ้งข้อหาขับขี่รถขณะมึนเมา, ขับรถประมาทเฉี่ยวชนรถผู้อื่นทำให้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย

เวลาต่อมา นายเทวราช อายุ 30 ปี หรือ “คิม” สามีของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางเข้ามาที่ สน.ปทุมวัน เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดี เปิดเผยว่า ตนคบหากับภรรยามาประมาณ 4-5 ปี ภรรยาของตน มีลูกติดสามคน คนโตอายุ 26 ปี คนกลางอายุ 23 ปี และคนเล็ก 14 ปี โดยตนกับภรรยาและลูก ๆ อาศัยอยู่ที่จังหวัดชลบุรีเพื่อทำงานหาเลี้ยงชีพ โดยตนทำอาชีพขับไรเดอร์ส่งอาหาร ส่วนภรรยารับสินค้า ประเภทกิฟช็อป ยางรัดผม แป้งพับ มาจากตลาดโบ๊เบ๊ สำเพ็ง เยาวราช กรุงเทพมหานครฯ เพื่อนำมาขายที่ริมหาดบางแสน อ่างศิลาและตลาดชลบุรี ซึ่งภรรยาก็จะขี่รถจักรยานยนต์จากจังหวัดชลบุรีไปที่กรุงเทพฯ ด้วยตัวเขาเองอาทิตย์ละครั้งแบบนี้เป็นประจำ

ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 23.30 น. ภรรยาของตนหยิบเสื้อไลน์แมนของตนมาสวม ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจาก บ้านเพื่อไปยังกรุงเทพฯ เหมือนเช่นทุกที จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.06 น. ภรรยาโทรมาถามว่า ลูกคนเล็กกลับบ้านหรือยัง ตนบอกว่ากลับแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรต่อเพราะภรรยากำลังขี่รถอยู่ จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. มีสายโทรศัพท์จากกู้ภัยโทรเข้ามาหาตน บอกว่าให้ตนทำใจดี ๆ เพราะภรรยาถูกรถเก๋งชนตกสะพานเสียชีวิต คู่กรณีคือเจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง มีผลตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์สูงเมาแล้วขับ ตนได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินทางมาที่สน.ปทุมวัน ในรุ่งเช้าแต่ยังไม่พบคู่กรณีแต่อย่างใด
- ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สลดกลางกรุง! ผบห. คลินิกดังเมา ซิ่งรถหรูชนไรเดอร์ตกสะพาน ดับคาที่
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนช็อกเป็นอย่างมาก เนื่องจากภรรยาเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องทำงานส่งเงินให้พ่อที่จังหวัดร้อยเอ็ดส่วนแม่ก็เสียชีวิตไปแล้วและยังมีเลี้ยงดูลูกอีก 3 คนด้วย ยอมรับว่าตนกังวลกับเรื่องที่คู่กรณีเป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง กลัวคดีจะเงียบไม่คืบหน้า เพราะตอนนี้ได้ยินจากกู้ภัยมาว่าคู่กรณีวางหลักทรัพย์ 2 แสนบาท ประกันตัวออกไปแล้ว อยากให้คู่กรณีถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด