ไม่รอด! ศาลออกหมายจับ ผู้กองหญิงเก๊ หลอกเงินแฟนหนุ่ม 4 แสนบาท อ้างตนเองท้อง แถมยังปลอมเอกสารราชกาล รวมถึงอ้างนามสกุลดัง
จากกรณีของ น.ส.ฟาฎินะห์ อายุ 21 ปี ชาวตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ได้มีการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจในยศ ร.ต.อ.หญิง และยังได้ทำการหลอกลวงเงินจากแฟนหนุ่มของตนเป็นจำนวน 400,000 บาท นอกจากนี้ เธอยังเคยได้ปลอมแปลงเอกสารจากโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงเอกสารของหน่วยงานตำรวจ เพื่อสนับสนุนภารกิจถวายความปลอดภัยของตำรวจภูธร จังหวัดปัตตานี เมื่อปี พ.ศ. 2566 โดยใช้นามสกุล “บุญยรัตกลิน” ซึ่งเป็นนามสกุลของอดีตผู้บัญชาการทหารบก พร้อมทั้งแอบอ้างตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาสในเหตุการณ์ครั้งนี้อีกด้วย
ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กเพจ ข่าวด่วนปาตานี ได้มีการรายงานว่า ล่าสุด น.ส.ฟาฎินะห์ ได้หลบหนีไปแต่งงานกับทหารชั้นประทวนนายหนึ่งอยู่กรมสรรพาวุธ หากใครพบเห็นหญิงคนดังกล่าวรบกวนแจ้งกลับมายังบุคคลตามหมายจับด่วน ส่วนทางด้านสามีที่เป็นทหารขณะนี้ไม่รู้เจ้าตัวทราบหรือยังว่า ภรรยาตัวเองเป็นตำรวจทิพย์

- บุกรวบอินฟลูฯสาว ลักทรัพย์ในออนเซ็น รูดบัตรเครดิตกว่า 3 แสนบาท!
- อัปเดต! คดีซิงซิง เผยครั้ง หลังถูกหลอกข้ามแดน จากคนจีนด้วยกันเอง
- สนั่นกลางกรุง! ชายชาวกัมพูชา โดนคนร้ายปริศนา ยิงดับคาที่
ส่วนทางด้านของ พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส กล่าวว่า ทางผู้เสียหายรับว่ารู้จักผู้หญิงคนดังกล่าว ผ่านแอปพิเคชันหาคู่ เมื่อช่วงปลายปี 2566 มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ที่ถูกผู้หญิงอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คบหาเป็นแฟนกัน แล้วท้องเพื่อขอเงินที่จะไปฝากครรภ์ หลังจากที่ร้อยเวรได้รับเรื่องแล้ว ก็มีการออกหมายเรียกเมื่อช่วงวันที่ 30 มกราคม 2567 ครั้งที่ 1 หลังจากนั้นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 จนกระทั่งครั้งที่ 3 เราออกหมายเรียกอีกครั้งหนึ่งวันที่ 4 เมษายน 67

ระหว่างนั้นทางผู้เสียก็หายพยายามให้ทาง น.ส.ฟาฎินะห์ มาไกล่เกลี่ย ซึ่งทาง น.ส.ฟาฎินะห์ รับว่าหลอกเงินไปจริง และยังติดต่อได้อยู่ แต่ตอนหลังทางผู้เสียหายแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อ น.ส.ฟาฎินะห์ ได้แล้ว ทางพนักงานสอบสวนก็เลยได้รับเลขคดีช่วงวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ในการรวบรมพยานหลักฐานและออกหมายจับเมื่อ 30 กรกฏาคม 2567 ที่ผ่านมา ทางผู้เสียหายเองยืนยันจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด
ทั้งนี้การดำเนินการออกหมายจับ น.ส.ฟาฎินะห์ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีใน 3 ข้อหาคือ 1.ฉ้อโกง 2.ไม่มีสิทธิ์สวมเครื่องแบบ และ 3.ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ
