คลั่งรักเป็นเหตุ! นศ. หนุ่มหลอนกัญชาวัย 20 ปี คว้ามีดจ้วงแทงเพื่อนสนิท จนเกือบหวิดดับคาห้อง หวั่นถูกตีท้ายครัว
วันที่ 13 มีนาคม2568 เมื่อเวลา 01.30 น. ร.ต.อ.สิงหา สิงหาชาลี รองสว.สอบสวนสภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งเหตุมีคนทำร้ายร่างกายกันด้วยอาวุธมีดและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณคอนโดแห่งหนึ่งใกล้เคียงจุดกลับรถหน้าบริษัทอุตสาหกรรมกระดูกสัตว์ ถนนพหลโยธินขาออก ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ฉลาด หอมเงิน รอง.ผกก.สส. สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.วีระ สุขชนะ สว.สส.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.ธนุส วิสุทธาภรณ์ สว.สส. สภ.คลองหลวง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.คลองหลวง อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
บริเวณที่เกิดเหตุพบ รปภ. ของคอนโดกำลังเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อนายรุจิกร อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 กำลังศึกษาอยู่มหาลัยชื่อดัง คณะบริหารธุรกิจการตลาด ออกจากที่เกิดเหตุมาริมถนนพหลโยธินเพื่อส่งต่อให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมจำนวนหลายแผลเข้าที่ศีรษะ แก้มซ้าย หัวไหล่ขวา และแขนซ้าย ส่งผลให้เสียเลือดมาก ทางด้านเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิร่วมกตัญญู จึงเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้แพทย์ให้ความช่วยเหลือ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ภายในคอนโด คาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะยังหลบซ่อนตัวอยู่ภายใน คอนโดดังกล่าวเป็นอาคารสูง 8 ชั้น ที่ทางเดินชั้น 1 หน้าห้อง 771 พบกองเลือดและรอยเลือดหยดเป็นทาง อีกทั้งยังพบอาวุธมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดยาวประมาณ 20 เซนติเมตรตกอยู่จึงเก็บไว้เพื่อตรวจสอบ

ภายในห้อง 771 พบรอยเลือดเป็นจำนวนมากส่วนผู้พักอาศัยภายใน คาดว่า เป็นผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปแล้ว จึงประสานเจ้าหน้าที่นิติบุคคลของคอนโดเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายรุจิกร ผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้การว่า ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเพื่อนตนเองชื่อ นายชินวัตร หรือ บอส อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เรียนมหาวิทยาลัยและคณะเดียวกันแต่อยู่คนละห้องกับตนเอง บอสมีอาการหลอนกัญชาคิดว่าตนเองจะไปยุ่งกับแฟนของผู้ก่อเหตุ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะกระทืบตนเองและใช้มีดแทง
ร.ต.อ.สิงหา สิงหาชาลี รองสว.สอบสวนสภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุบันทึกภาพเป็นหลักฐานสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บและพยานบุคคลให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีทางกฎหมาย