เปิดคำสารภาพ ลูกทรพี ฆ่าเผาพ่อทั้งเป็น หลังขอเงินไปจ่ายหนี้พนันแต่พ่อไม่มี อึ้งเคยวางแผนฆ่ามาแล้ว แต่ไม่สำเร็จต้องกลับมาก่อเหตุซ้ำ
จากกรณีที่ จากกรณีที่คืนวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เผยแพร่ภาพสด เหตุเพลิงไหม้กระท่อม อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ มีผู้ติดอยู่ภายในและถูกไฟคลอกเสียชีวิต ชื่อ คุณตาบุญเลี้ยง อายุ 73 ปี เป็นพ่อของเสี่ยท่าข้าวในพื้นที่เกิดเหตุที่น่าสงสัย คือ สภาพศพมีสายไฟหรือลวดมัดมือ มัดคอ และพบมีดปลายแหลมตกอยู่ข้างศพ
กระทั่งเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนได้ขอศาลออกหมายจับ น.ส.ปุ้ย หรือ น.ส.บุญทิวา อายุ 26 ปี ลูกสาวคนเล็กของผู้ตาย ในข้อหาฆ่าบุพการี โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, ซ่อนเร้นอำพรางศพ และวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเกิดความเสียหาย และถึงแก่ความตาย
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ปัญหามาจากเรื่องเงิน ก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหามาหาผู้เสียชีวิตที่กระท่อมเพื่อขอเงิน แต่ผู้เสียชีวิตไม่มี ก็บังคับให้ไปขอเงินจากพี่ชาย ที่เป็นเจ้าของท่าข้าว จนมีปากเสียงกัน ผู้ต้องหาผลักผู้เสียชีวิตล้ม แล้วใช้สายไฟมัดคอ มัดมือ ก่อนใช้ไฟแช็กจุดเพลิงเผากระท่อมย่างสดพ่อทั้งเป็น
- ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ฆ่าโหด! ตาวัย 73 ถูกมัดคอ-มือ เผาให้ตายทั้งเป็น ที่แท้คนทำคือลูกสาว

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รรท.ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าของคดีว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสอบปากคำพยาน รวมทั้งนำเทคโนโลยีมาประกอบกับพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกนายได้ทำงานร่วมกัน เพื่อเร่งคลี่คลายคดีให้เกิดความกระจ่างโดยเร็ว จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหา
พ.ต.อ.ศิรสัณห์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวน สอบสวน และเค้นสอบปากคำ น.ส.ปุ้ย มานานกว่า 3 วัน จนเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือก่อเหตุจุดไฟเผาฆ่าพ่อแท้ๆ จริง ส่วนสาเหตุนั้นเนื่องจากติดหนี้พนันออนไลน์อยู่จำนวนหนึ่ง และที่ผ่านมาได้มาขอเงินพ่อหลายครั้ง กระทั่งระยะหลังพ่อไม่มีให้ แล้วโดนต่อว่า และเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง น.ส.ปุ้ย จึงคิดวิธีว่าทำอย่างไรจะหาเงินจากพ่อ และนึกได้ว่าหากพ่อเสียชีวิตจะมีเงินฌาปนกิจหมู่บ้านอยู่ 5 หมื่นกว่าบาท จากนั้นจึงเริ่มวางแผนฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าตัวเอง
โดยครั้งแรกวันที่ 30 มกราคม 2568 น.ส.ปุ้ย ได้ไปซื้อยาเบื่อหนูมาผสมกับอาหาร ผัดกระเพากบนำมาให้พ่อกิน หวังวางยาฆ่า แต่เนื่องจากนายบุญเลี้ยง อายุมากจึงกินกระเพากบได้น้อย จึงไม่เป็นไร จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 31 มกราคม 2568 น.ส.เข้ามาดูพบว่ากระเพากบยังเหลือเท่าเดิมจึงเททิ้ง และมาถึงช่วงเย็นได้ไปซื้อน้ำมันที่บรรจุใส่ขวด ขี่ จยย.มากระท่อมหลังเกิดเหตุ และขอเงินพ่ออีกรอบ แต่นายบุญเลี้ยงก็ยังไม่มีให้ จนเกิดมีปากเสียงกันอีกครั้ง ซึ่งนายบุญเลี้ยงอายุมาก ประกอบกับได้ดื่มสุรามา จึงสู้แรง น.ส.ปุ้ยไม่ไหวและถูกผลักล้มลงกับพื้นจนหมดสติ น.ส.ปุ้ยเข้าใจว่าพ่อเสียชีวิต จึงนำเอาสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้ามามัดมือของนายบุญเลี้ยงไว้ และจุดไฟเผา แล้วขี่จยย.รถออกไปจากจุดเกิดเหตุ กระทั่งมีคนมาพบ
พ.ต.อ.ศิรสัณห์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการชันสูตรศพพบว่าปอดมีเขม่าควัน จึงสันนิฐานได้ว่านายบุญเลี้ยง ก่อนถูกไฟไหม้ยังไม่เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม หลังพนักงานสอบสวนทำการสอบปากเสร็จแล้ว ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ น.ส.ปุ้ย 3 ข้อหา ประกอบด้วยฆ่าบุพการีโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน , ซ่อนเร้นอำพรางศพ และวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเกิดความเสียหาย และถึงแก่ความตาย ส่วนกรณีการเล่นพนันออนไลน์เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสอบสวนอีกครั้งว่าเล่นอย่างไร แบบไหนต่อไป
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวมีญาติ และเพื่อนบ้านต่างพากันมาติดตามความคืบหน้าของคดีจำนวนมาก บางส่วนไปรอดูการทำแผนบริเวณจุดเกิดเหตุ ท่ามกลางเสียงด่าสาปแช่งให้ได้รับโทษกับสิ่งทำไว้กับพ่อ ทั้งนี้ภายหลังจากแถลงข่าว เจ้าหน้าที่จะได้นำตัว น.ส.ปุ้ยไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ น.ส.ปุ้ย ซึ่งถูกคุมตัวไว้ในห้องขังได้ร้องไห้เสียงดัง และปฏิเสธการทำแผน เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอยภัย เจ้าหน้าที่จึงยกเลิกการทำแผน
ด้านนายภิรมย์ ญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็สงสัยอยู่แล้วว่า น.ส.ปุ้ย เป็นคนก่อเหตุจุดไฟเผาพ่อ เพราะมีท่าทางและพูดจาพิรุธหลายอย่าง ทั้งนี้หลังเจ้าหน้าที่คลี่คลายคดีได้ทุกคนโล่งใจ ซึ่งก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนตัวก็อยากให้รับโทษสูงสุด