ด่วน! พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งเด้ง ผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการทันที เซ่นปมรีดไถ่เงิน ดาราสาวไต้หวัน
สืบเนื่องจากกรณี ดาราสาวไต้หวัน ได้ออกมาโพสต์อินสตราแกรมแฉว่าถูกตำรวจไทยรีดไถเงินกว่า 2.7 หมื่นบาท ก่อนจะปล่อยตัวเธอไป จนกลายเป็นข่าวดังในไต้หวันเมื่อช่วงต้นมกราคมที่ผ่านมา ด้านรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็ออกมายืนยันด้วยเกียรติว่า ไม่มีใครเรียกรับเงิน แต่ยอมรับว่าในคืนเกิดเหตุมีการโต้เถียงกันบ้าง เนื่องจากภาษาที่ใช้สื่อสารกัน อีกทั้งยังอ้างว่าดาราไต้หวันคงมีดื่มมาบ้าง ทำให้สื่อสารไม่ตรงกัน
ก่อนที่ทางด้านบชน. รับว่ามีเรียกรับเงินจริง ผบชน. ยืนยันไม่มีการสั่งการให้ทำลายพยานหลักฐานอย่างที่ถูก ‘ชูวิทย์’ กล่าวหา ถ้าผลการตรวจพิสูจน์ มีการลบ-ตัดต่อคลิปภาพ ก็เป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบที่จะตัองถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ถ้าหากมีหลักฐานว่ามีการสั่งการ ก็ให้นำออกมา ยืนยัน ไม่มีเหตุที่จะไปปกป้องเพื่อให้เกิดความเสียหาย
เด้งผกก.สน.ห้วยขวาง เซ้นปมรีดไถ่เงิน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ทางด้านเพจเฟซบุ๊ก กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ผบ.ตร.สั่งด่วน ให้ น.1 สั่งผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการทันที หลังพบมีมูลตำรวจที่ตั้งด่านอาจเกี่ยวข้องเรียกรับเงินนักท่องเที่ยวไต้หวัน ย้ำตำรวจทุกพื้นที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากเกิดเหตุอีกเอาโทษ ผกก.-ผบก.ด้วย

วันที่ 30 ม.ค.2566 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันอ้างถูกตำรวจเรียกรับเงิน ว่า “ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการด่วน ให้ ผบช.น.สั่งผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการ หลังจากมีข้อมูลว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกเรียกรับเงิน พร้อมกำชับ น.1 ดำเนินการตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญาในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิดในเหตุดังกล่าวทุกราย อย่างเด็ดขาด มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง”
โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า “ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำกำชับไปยังตำรวจนครบาล และตำรวจทุกพื้นที่ กรณีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด หรือการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ต้องกระทำตามอำนาจหน้าที่ เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามระเบียบแนวทางที่ ตร.ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างเด็ดขาด

โดยให้ผู้บังคับบัญชาเพิ่มความเข้มในการตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ไม่ให้เกิดพฤติกรรมในทางไม่ดี หากพบว่าพื้นที่ใดมีการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก จะพิจารณาโทษถึงระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ แต่ถ้าเกิดเป็นความผิดซ้ำซาก จะพิจารณาโทษถึงระดับผู้บังคับการ โดยจะดำเนินการเด็ดขาดทั้งทางวินัยอาญา และปกครอง”
ติดตามข่าวสาร Bright today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY