เปิดบทสัมภาษณ์ ‘ดาราสาวไต้หวัน’ แถลงละเอียดทุกประเด็น ลั่น อาจมีการคลาดเคลื่อนบ้าง ขอให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน
จากกรณีที่เป็นข่าวใหญ่ช็อกวงการสีกากีอย่างหนัก เมื่อดาราสาวไต้หวัน รายหนึ่งได้ออกมาแฉว่าถูกตำรวจไทย รีดไถเงินกว่า 2.7 หมื่นบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว จนกลายเป็นข่าวดังในโลกโซเชียล ทำให้ตำรวจสน.ห้วยขวาง ก็ออกมายืนยันว่า ไม่มีใครเรียกรับเงิน
ก่อนจะมีการนำหลักฐานต่าง ๆ ออกมาแฉเพิ่มเติม โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะได้ออกมาเปิดเผยว่า มีตำรวจรายหนึ่งออกมายอมรับว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินสด จำนวน 27,000 บาท พร้อมกล่าวหานักท่องเที่ยวว่ามีความผิด ซึ่งการจ่ายเงินครั้งนี้ มีเพื่อนชายชาวสิงคโปร์เป็นคนจ่ายเงินให้กับตำรวจ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เคลื่อนไหวล่าสุด! ดาราสาวไต้หวัน ขอบคุณสื่อและคนไทย หวังว่าจะได้กลับมาอีก

เปิดบทสัมภาษณ์ ดาราสาวไต้หวัน
ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ก็ได้ออกมาเปิดเผยเปิดบทสัมภาษณ์ ‘ดาราสาวไต้หวัน’ อันหยูฉิง An YuQing เพื่อชี้แจงความบริสุทธิ์จากปากเธอ เธอได้ออกมาชี้แจงถึงจุดสำคัญหลัก รวมถึงเรื่อง “เมา” ซึ่งเธอกล่าวว่า ทำไมถึงพยายามจะพิสูจน์ว่าเธอเมา? บ้างก็บอกว่าเธอเป็นบุคคลอันตรายต้องสงสัย แต่ก็มาบอกว่าเธอไม่ได้น่าสงสัยคิดว่าไม่อันตรายก็เลยปล่อย ถ้าไม่คิดว่าเธออันตรายทำไมถึงกักตัวใช้เวลานานราว 45 นาทีตรงนั้น
โดยเธอกล่าวต่อสื่อว่า เรื่องการมีบุหรี่ไฟฟ้าและการไม่พกหนังสือเดินทางติดตัวมีความผิดจริง แต่เธออยากให้โฟกัสตรงประเด็นที่ว่า “หากมีการละเมิดหรือทำผิดกฎหมาย ก็ควรทำตามระเบียบแจ้งโทษและปรับเธอตามกฎมีใบเสร็จอย่างถูกต้อง แต่ตอนนั้นที่พวกเราถูกเรียกตรวจ กลับบอกให้พวกเราทุกคนจ่ายเงินและหลบกล้อง”
“ฉันโพสข้อความต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน แต่ละคนล้วนมีความคิดของตนเอง ฉันไม่ขอตอบคำถามที่เป็นเรื่องคาดคะเนเดาไปต่าง ๆ นานา ฉันไม่คิดว่า การที่ฉันแชร์ระบายประสบการณ์ที่เธอเจอออกมานี้ จะกลายเป็นเรื่องครึกโครมขนาดนี้ ส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกอย่างฉันได้ให้ความร่วมมือและส่งเรื่องไปให้หมดแล้ว!! ขอบคุณค่ะ“

คำแถลงอย่างละเอียดของอันหยูฉิง
- สถานการณ์ตั้งด่านตรวจ : เนื่องจากคืนนั้นร้านที่ฉันไปปิดตี 1 ฉันจึงเรียกแท็กซี่ (grab) ให้เพื่อน ๆ 1 คัน และฉันก็ได้เรียกอีกคันให้ตัวเอง ตลอดตั้งแต่ที่มีเกิดเรื่องทั้งหมดใช้เวลาราว 2-3 ชั่วโมง และตลอดเวลานั้นฉันไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้เลย ดังนั้นเรื่องเวลาที่แน่ชัดนั้น ฉันอาจมีการจำคลาดเคลื่อนไปบ้าง
ตั้งแต่ที่มีการถูกเรียกตรวจ ลงจากรถ เรื่องเเรกที่เกิดคือ มีการค้นกระเป๋า ฉันอยากโทรติดต่อบอกเพื่อนอีกคันข้างหน้าว่ารถคันของฉันถูกเรียกตรวจ พร้อมอยากถ่ายรูปสถานการณ์ส่งไป แต่แล้วกลับถูกตำรวจห้ามและให้ลบรูปหรือคลิปทุกอย่าง ตอนนั้นทางตำรวจใช้เครื่องแปลเพื่อต้องการรู้ว่าฉันกับเพื่อน ๆ พูดอะไรกัน หลังจากนั้นฉันให้เพื่อนที่พูดไทยได้สื่อสารกับตำรวจ และฉันถอยออกมายืนข้าง ๆ บางครั้งก็สื่อสารได้ไม่ดี สุดท้ายเพื่อนฉันบอกว่า พวกเขา (ชี้ไปที่ตำรวจ) ต้องการให้เรานับเงิน 27,000 บาทและหลบกล้องด้วย
หลังจากนั้นตำรวจเอาบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ฉันแล้วเรียกฉันถ่ายรูป ต่อมาเรียกเเท็กซี่คันใหม่ให้ฉัน ส่วนแท็กซี่คันก่อนหน้า ตำรวจเป็นคนบอกให้ขับออกไป - เรื่องเมา : “ทำไมต้องมานั่งพยายามสืบหาเน้นเรื่องฉันเมานะ?”
- เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า : ตอนนั้นที่ด่าน ฉันไม่มีบุหรี่ไฟฟ้า แต่ไม่แน่ใจที่ว่าเพื่อน ๆ ฉันที่มาด้วยกันมีการพกมาไหม แต่ฉันยืนยันได้เลยในตอนที่ถูกตรวจที่ด่าน ฉันไม่มีบุหรี่ไฟฟ้า พวกเรามีกัน 8 คน แบ่งเป็น 2 คัน ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่มานั่งคอยตรวจสอบเพื่อนฉัน
แต่ที่ฉันมั่นใจแน่คือ ตอนก่อนจะถูกปล่อยมา ตำรวจเป็นคนเอาบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ฉันและถ่ายรูป และตอนถูกเรียกนั้น ฉันคงไม่กล้าบ้าขนาดถือบุหรี่ไฟฟ้าสูบต่อหน้าตำรวจ มากล่าวหาว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นของฉัน ถ้างั้นมีหลักฐานอะไรมาบอกว่าเป็นของฉัน ในเมื่อบอกว่ารูปก็ถูกลบ ตอนรับเงินก็ไม่แน่ชัด ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกจับตามองตรวจสอบฉันจะพูดมั่วได้อย่างไร ฉันสามารถพูดตัวเลขที่มากกว่านี้ก็ได้ ทำไมถึงต้องมานั่งเฉพาะเจาะจง 27,000?? และถ้าฉันละเมิดเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าจริง ก็ออกใบเสร็จค่าปรับมา แต่ฉันกลับไม่ได้รับใบเสร็จ ยื้อฉันนานอยู่ตรงนั้น และเอาไป 27,000 บาท - เรื่องคลิปภาพที่ถ่ายได้บริเวณโรงแรมล่ะ? : “ฉันถูกตำรวจตั้งด่านเรียกตรวจค้นที่โรงแรม หรือถูกรีดทรัพย์ที่โรงแรงรึไง??!!”
- เรื่องบุคคลอันตราย : มาบอกว่าฉันอันตรายต้องสงสัย ต่อมาบอกว่าเห็นฉันไม่อันตรายจึงปล่อยไปเฉย ๆ ถ้าฉันไม่อันตรายก็ยิ่งไม่มีเหตุจำเป็นยื้อฉันไว้นานตรงนั้นถึง 45 นาที ไม่ใช่หรือ?!
- เรื่องตลาดนัด : ตลาดนัดคืออยู่แถวโรงแรม ดังนั้นถึงเห็นฉันอยู่ตรงถนนแถวนั้นหลังจากเกิดเรื่อง นอกจากนั้นพวกเขา (ตำรวจ) ได้มีการมาจับค้นที่กระเป๋ากางเกงเพื่อนชายคนนึง ก็คือชายคนที่อยู่ในภาพที่ยืนข้างหน้าคนนั้น ตอนที่ตำรวจกำลังล้วงกระเป๋ากางเกงเขา เขาได้เอาโทรศัพท์ป้อง หลังจากที่ตำรวจเอาเงินไปเรียบร้อยก็เหลือให้พวกเรา 200 บาทเพื่อเรียกเเท็กซี่ (แท็กซี่คันนั้นก็คือคนที่ออกมาให้ข่าว คนของตำรวจ)
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY