อุทาหรณ์! สายวิ่ง ไม่ไหวอย่าฝืน อย่าชะล่าใจ ไม่วอร์มร่างกายก่อนวิ่ง เพราะคิดว่าเคยวิ่งแล้ว สุดท้ายเสี่ยงเสียชีวิตสูง!
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สลดสำหรับสายวิ่งเป็นอย่างมาก เมื่อ 4 วันที่แล้ว ผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เตือนภัยเกี่ยวกับการลงวิ่งมาราธอน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้วอร์มร่างกายก่อน เพราะคิดว่าเคยวิ่งมาแล้ว ยังไงก็ไหว แต่ผลสุดท้ายหมดวูบสติ แต่ครั้งนี้โชคดีที่ไม่เสียชีวิต
โดยเจ้าตัวระบุสาเหตุของการหมดสติครั้งนี้ว่า “คิดว่าจะมาจากช่วงนี้พักผ่อนน้อยและความเครียดจากสารพัดสิ่ง บวกกับ เสาร์-อาทิตย์ ไปใช้แรงานขนของแบกหามเตรียมงานวิ่ง ร่างกายเลยอ่อนล้า ก่อนมาวิ่งก็คือรู้ตัวนะว่าร่างกายมันเพลีย แต่ด้วยความคิดที่ว่า แต่ก่อนก็ทำแบบนี้ ไม่เห็นเป็นอะไร ก็เลยฝืนมา (ก่อนหน้านี้เป็นคนใช้ร่างกายเปลืองมาก มี100 ใช้150 ประหนึ่งว่ามีชีวิตเป็นอมตะ)“

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวานนี้ 20 ต.ค. 65 ก็ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายรายออกมาคอมเมนต์แสดงความเสียใจในโพสต์ดังกล่าว เพราะผู้ใช้เฟซบุ๊กรายดังกล่าว เสียชีวิตแล้ว สาเหตุมาจากการวิ่ง โดยผู้ที่เกี่ยวข้องได้เล่าว่า ผู้เสียชีวิต ได้ไปวิ่งที่เกษตร หลังจากวันที่หมดสติ แต่จู่ ๆ ก็หมดสติอีกครั้ง โดยครั้งนี้นำตัวส่งรพ. แต่หมอยื้อชีวิตไว้ไม่ทันจึงเสียชีวิตในที่สุด

เกี่ยวกับเรื่องนี้จากการค้นหาข้อมูล นพ. ณัฐพล โรจน์เจริญงาม รพ.สมิติเวช เคยได้ให้ข้อมูลไว้ว่า การเริ่มต้นวิ่งอย่างผิดวิธี อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ที่สำคัญที่สุดคือ อันตรายต่อระบบหัวใจที่อาจทำให้เสียชีวิตได้
โดยระหว่างการวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นวิ่งมาราธอน หรือวิ่งออกกำลังกายควรเตรียมพร้อมร่างกายดังนี้
- สำหรับผู้ที่ไม่เคยวิ่งมาก่อนเลย ขอให้ใจเย็นๆ เริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรวิ่งแข่งหรือวิ่งตามคนอื่น คนที่วิ่งได้ต่อเนื่องเหล่านั้นล้วนแต่ฝึกวิ่งกันมาหลายเดือนหรือหลายปีมาแล้ว
- หลังจากที่ warm up ด้วยการเดินเร็วและยืดเหยียดกล้ามเนื้อแล้ว ในวันแรกอาจเริ่มต้นโดยการวิ่งเหยาะๆ แค่ 2-3 นาที เท่านั้นพอ แล้วก็ cool down หลังจากนั้นระบบต่างๆในร่างกายจะค่อยๆปรับสภาพให้แข็งแรงขึ้น ในวันต่อๆมาให้เราค่อยๆเพิ่มระยะเวลาและความเร็วในการวิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การวิ่งให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 3-5 วันต่อสัปดาห์
- โดยที่เราไม่จำเป็นต้องวิ่งต่อเนื่องรวดเดียวให้ได้ถึง 30 นาที เราสามารถแบ่งการวิ่งเป็น set โดยเวลาขั้นต่ำในแต่ละ set คือ 10 นาที ประโยชน์ที่ได้ต่อสุขภาพก็แทบจะไม่แตกต่างกันกับการวิ่งแบบต่อเนื่อง
- นอกจากนี้การดื่มน้ำเป็นระยะๆในระหว่างการวิ่งรวมถึงหลังการวิ่ง ก็เป็นเรื่องสำคัญ
หากเกิดอาการบาดเจ็บระหว่างการวิ่งควรหยุดวิ่งทันทีหรือไม่
- โดยทั่วไปในการวิ่งเพื่อสุขภาพ ถ้าเกิดอาการเจ็บจากการวิ่ง ก็ควรจะหยุดพัก ปฐมพยาบาล และรอให้อาการบาดเจ็บหายดีก่อนที่จะกลับไปวิ่งใหม่
- ถ้ามีอาการบาดเจ็บเฉียบพลัน รุนแรง เช่น ข้อเท้าพลิก มีการล้มกระแทกพื้นรุนแรง หรือเจ็บในกล้ามเนื้อหรือข้ออย่างเฉียบพลันรุนแรง ควรหยุดวิ่งทันที ทำการปฐมพยาบาล ประคบเย็น และรีบไปพบแพทย์
- แต่หากมีอาการเจ็บแบบเล็กน้อย ในช่วงที่เราเข้าร่วมการแข่งขันวิ่ง และเราคิดว่าพอที่จะวิ่งจนถึงเส้นชัยไหว กรณีนี้อาจไม่เร่งด่วนมากที่เราจะต้องหยุดวิ่งและไปพบแพทย์โดยทันที แต่หลังจากสิ้นสุดการวิ่ง ควรจะต้องพักจากการวิ่ง ปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี และควรไปพบแพทย์หากอาการยังไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
- ส่วนอาการสำคัญนอกเหนือจากเรื่องอาการบาดเจ็บ คือกลุ่มอาการที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ ได้แก่ อาการแน่นหน้าอก ซึ่งอาจมีอาการปวดร้าวไปที่แขนซ้ายหรือต้นคอร่วมด้วย อาการใจสั่นหรือใจเต้นรัวผิดปกติอย่างเฉียบพลัน อาการเวียนศีรษะหรือรู้สึกคล้ายจะเป็นลมในขณะวิ่ง หากมีอาการเหล่านี้ต้องหยุดวิ่งทันทีและควรรีบไปพบแพทย์
ควรดูแลตัวเองหลังจากการวิ่งอย่างไรบ้าง
นักวิ่งควรรับประทานอาหารให้ครบหมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว และร่างกายจะมีการปรับสภาพให้แข็งแรงขึ้น เพื่อรองรับการออกกำลังในครั้งต่อๆไป
ข้อมูลเพิ่มเติม : รพ.สมิติเวช
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY