เอาจริง! สิงคโปร์กําหนดให้ธนาคาร และบริษัทค่ายมือถือ ต้องรับผิดชอบร่วมกัน หากลูกค้าตกเป็นเหยื่อการฉ้อโกงออนไลน์ เริ่ม 16 ธ.ค. 67
สื่อสิงคโปร์รายงานว่า มาตรการใหม่ของสิงคโปร์ที่กําหนดให้สถาบันการเงิน และบริษัทโทรคมนาคมต้องรับผิดชอบค่าเสียหายร่วมกัน หากลูกค้าตกเป็นเหยื่อการฉ้อโกงออนไลน์ ได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ซึ่งอาจทําลายความเชื่อมั่นในระบบ ธนาคาร และ การชําระเงินดิจิทัลของสิงคโปร์ ตลอดจนลดจํานวนผู้เสียหายจากการ ฉ้อโกงออนไลน์
ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือ กรอบความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility Framework) หรือ SRF ที่มีความสมบูรณ์ เพื่อเสริมสร้างมาตรการที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงออนไลน์ สถาบันการเงินมีเวลา 6 เดือน นับจากวันที่ 16 ธันวาคม ในการปรับใช้มาตรการ SRF ฉบับสมบูรณ์ โดยระบุว่า สถาบันการเงิน และบริษัทโทรคมนาคมต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อความเสียหายของเหยื่อการฉ้อโกงออนไลน์ โดยกําหนดหน้าที่และมาตรการชัดเจนสําหรับสถาบันการเงินและบริษัทโทรคมนาคมในการป้องกันการฉ้อโกง หากไม่ปฏิบัติตาม ทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมรับผิดชอบหากเกิดความเสียหาย

- น่ารักไม่ไหว! “เจ้าพุดดิ้ง” สุนัขจิ้งจอกหน้าพริ้ม ขวัญใจชาวเน็ตทั่วโลก
- ชาวเน็ตแห่วิจารณ์! นทท. ต่างชาติ ไม่ดูลูก ปล่อยโหนราวเล่นบน BTS
- แปลกแต่จริง! งานวิ่งมาราธอนในจีน ผู้ชนะไม่ได้เงินแต่กลับได้ วัวแทน
หนึ่งในมาตรการคือ สถาบันการเงินและผู้ให้บริการการชําระเงินจะต้องส่งการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ โดยกรอบการทํางานนี้กําหนดหน้าที่ให้สถาบันการเงิน และบริษัทโทรคมนาคมในการบรรเทาการฉ้อโกงออนไลน์ และคาดหวังให้จ่ายค่าชดเชยแก่เหยื่อที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้นํามาใช้บังคับในวันที่ 16 ธันวาคม ซึ่งมาตรการนี้กําหนดให้สถาบันการเงินตรวจจับธุรกรรมผิดปกติแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจพบธุรกรรมไม่ได้รับอนุญาตที่ทําให้เงินในบัญชีถูกถอนออกอย่างรวดเร็ว หมายความว่า หากบัญชีถูกถอนเงินออกโดยผู้ฉ้อโกง สถาบันการเงินจะต้องระงับธุรกรรมนั้นไว้ก่อน จนกว่าจะติดต่อลูกค้าได้หรือส่งการแจ้งเตือน พร้อมระงับธุรกรรม 24 ชั่วโมง
ยกตัวอย่างเช่น หากบัญชีที่มีเงินคงเหลือ 50,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ขึ้นไป ถูกโอนออกเกินกว่าครึ่งหนึ่งภายในวันเดียว ธนาคารจะต้องระงับธุรกรรมนั้นไว้ก่อน จนกว่าจะติดต่อลูกค้าได้หรือส่งการแจ้งเตือน พร้อมระงับธุรกรรม 24 ชั่วโมง
นายอัลวิน ตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า การกําหนดค่าให้ธนาคารสามารถระงับธุรกรรมบัญชีที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ “อาจทําให้เกิดการแจ้งเตือนผิดพลาดและมากเกินไป” สร้างความไม่สะดวกให้ลูกค้าธนาคาร จึงกําหนดไว้ที่ 50,000 ดอลลาร์ขึ้นไป
ข้อมูลจาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว