ชาวเน็ตจวกยับ หลังร้านอาหารชื่อดังเปิดคลิป สองผัวเมียเดือด เตะเด็กหญิงที่วิ่งชนลูกตัวเองล้มในสนามเด็กเล่น ร้านอาหาร
กลายเป็นประเด็นดราม่าที่ถูกแชร์ไปทั่วโลกโซเชียล หลังจากที่เพจเฟซบุ๊กของร้านอาหารที่มีชื่อว่า ไกด์โฟกัสทิกเกอร์ ปลาเผาเบียร์วุ้น นั้นได้ออกมาโพสต์คลิปกล้องวงจรปิดบริเวณสนามเด็กเล่นภายในร้าน ซึ่งมีบางช่วงบางตอนของคลิปที่มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเล่นและเผลอไปชนเด็กเล็กอีกคน โดยน้องผู้หญิงพยายามที่จะพยุงเด็กเล็กขึ้นมา แต่ระหว่างนั้นด้านหลังพ่อแม่ของเด็กเล็กกลับเดินเข้ามาเตะและตีหลังน้องผู้หญิง ด้วยภาพที่ออกลักษณะนั้นจึงทำให้ชาวเน็ตตั้งคำถามว่า ผู้ใหญ่ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ซึ่งทางเพจนั้นได้เล่าเหตุการณ์ว่า
ขออนุญาตินะคะ สองผัวเมียในภาพนี้ถ้าเห็นโพสต์ของทางร้านทางร้านขอชี้แจงนะ ถ้าคุณมีพฤติกรรมแบบนี้ ทางร้าน ไม่ขอให้บริการคุณอีกนะคะ พฤติกรรมคุณแย่มากทั้งคู่ ลูกคุณโดนวิ่งชน น้องที่ชนเค้าไม่ได้เจตนา และเค้าพยายามจะประคองน้องที่ล้มขึ้นมา แต่คุณสองคนผัวเมียเจตนาทั้งตีทั้งเตะน้องคุณก็เป็นพ่อเป็นแม่คนทำแบบนี้กับเด็กได้ยังไง คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับน้องเค้า เราส่งคลิปให้พ่อแม่น้องแล้ว ถ้าพ่อแม่น้องเค้าตามคุณเจอ คุณต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณทำนะคะ #ค้าขายและทำงานบริการ เราต้องการลูกค้านะคะ แต่ถ้าลูกค้าเป็นแบบนี้ขอบายนะคะ

- อึ้ง! รวบเด็ก 16 พายเรือข้ามโขง ส่งยาบ้ากว่า 2.4 ล้านเม็ด
- เรื่องนี้ใครผิด? คณะเชิดสิงโตพลาดท่า ทำเด็กบนยอดร่วง หน้ากระแทกพื้น
- รวบพลทหาร! ลวงเด็ก 15 นั่งรถไฟ มุ่งหน้าอุตรดิตถ์ อ้าง อยากพาไปเที่ยว
ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ได้ยังที่เกิดเหตุ ร้านไกด์โฟกัสทิกเกอร์ ปลาเผาเบียร์วุ้น เขตเทศบาลตำบลพานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี และได้พบกับ เจ๊ก้อย อายุ 46 ปี ซึ่งทางด้านเจ้าของร้านนั้นเปิดใจว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ลูกค้าทักมาที่เฟซบุ๊กส่วนตัวว่าอยากดูคลิปกล้องวงจรปิด และได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ตนฟัง หลังจากนั้นตนจึงเปิดดูกล้องวงจรปิดและเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว และโพสต์เฟซบุ๊กโดยจุดประสงค์หลักเพื่อเป็นการเตือนสติและเป็นอุทาหรณ์เตือนใจสำหรับผู้ปกครอง ที่พาลูกหลานมารับประทานอาหารเป็นครอบครัว
ทั้งนี้ ทางร้านจะมีโซนสำหรับไว้ให้เด็กวิ่งเล่นระหว่างผู้ปกครองรับประทานอาหาร เหตุการณ์จากเรื่องอุบัติเหตุเด็กวิ่งชนกันจนกลายเป็นทะเลาะวิวาท ร้านของตนเป็นร้านอาหารเหมาะสำหรับครอบครัวที่มารับประทานอาหาร ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นภายในร้าน ฝากเตือนถึงผู้ปกครองที่พาเด็กมาอยากให้ใจเย็น พูดคุยด้วยเหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์ ไม่อยากให้ใจร้อน เพราะจะเกิดการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ได้ และเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ปกครองของเด็กที่ถูกกระทำ บอกว่าไม่ติดใจเอาความ เพียงแต่อยากให้เตือนเป็นอุทาหรณ์ และอยากให้จบเพียงเท่านี้
