ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร แม่ลูกอ่อนโดนพรากลูก โดย สามีที่เป็นหมอ และ แม่สามี พร้อมกีดกันไม่ให้เจอหน้า แม้ลูกเพิ่งเกิดมาได้แค่หนึ่งเดือน
จากกรณี ข่าวสังคม เรื่อง แม่ลูกอ่อนโดนพรากลูก หลังจาก เพจเฟซบุ๊ก ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง โพสต์คลิปพร้อมข้อความระบุว่า “คุณแม่ขอพี่อ้อให้ช่วย ถูกอดีตสามีแพทย์ใหญ่ในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งใน กทม. และแม่สามี บุกเข้าบ้านกระชากแย่งลูกน้อยวัย 1 เดือน ออกจากอ้อมอก เข้าข่ายพรากเด็กหรือไม่ รอติดตามเคสนี้” ซึ่งในคลิปเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เหตุเกิดภายในบ้านหลังหนึ่ง โดยมีหญิงสูงรายหนึ่งอุ้มเด็กทารกเดินออกมาจากบ้าน มายื่นอยู่บริเวณลานจอดรถ ต่อมากได้มีหญิงสาวพยายามเข้ามาแย่งชิงอุ้มเด็ก แต่กลับมาชายรายหนึ่งพยายามขัดขวางเอาไว้ ภาพเหตุการดังกล่าวสร้างความเศร้าสลดต่อคนเป็นแม่อย่างมาก

แม่ลูกอ่อนโดนพรากลูก ขอให้ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ช่วยเหลือ
จากคำบอกเล่าคนเป็นแม่เด็ก เล่าว่า เธอรู้จักกับอดีตสามี ผ่านแอปฯ หาคู่ช่วงปลายปี 2566 ฝ่ายชายแสดงตัวว่าเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนเธอเป็นบัณฑิตปริญญาโทที่กำลังหางานทำ หลังจากพูดคุยกันสองเดือน ทั้งคู่ได้นัดพบกันครั้งแรกที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งฝ่ายชายมีพฤติกรรมชวนให้หารค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แม้กระทั่งค่ารถไฟฟ้า VAT และเซอร์วิสชาร์จ แต่เธอไม่ได้ติดใจอะไร ต่อมา ฝ่ายชายกลับมาติดต่ออีกครั้ง ทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์และตกลงเป็นแฟนกัน อดีตสามีย้ายเข้ามาอยู่กับเธอที่หอพักย่านสะพานพระราม 8 โดยเธอเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าหอพัก ค่าน้ำ ค่าไฟทั้งหมด ขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ แบ่งกันครึ่งหนึ่ง ขณะนั้น “เธอสังเกตว่าฝ่ายชายมีพฤติกรรมเจ้าชู้ มักติดตามและคอมเมนต์หญิงสาวในโซเชียลมีเดีย รวมถึงยังใช้แอปพลิเคชันหาคู่เพื่อนัดพบผู้หญิงคนอื่น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทะเลาะกันหลายครั้ง”
ต่อมา เธอจับได้และตัดสินใจเลิกรา เธอกลับพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ทำให้ไม่สามารถจบความสัมพันธ์ได้ ฝ่ายชายยังคงไม่รับผิดชอบเต็มที่ ปล่อยให้เธอต้องดูแลตัวเองเกือบทั้งหมด แม้กระทั่งการฝากครรภ์ต้องไปเอง ทางครอบครัวของฝ่ายชายไม่ยอมรับเธอ และมีพฤติกรรมกีดกันอย่างชัดเจน กระทั่งวันแต่งงาน ฝ่ายชายรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แขกฝั่งเจ้าบ่าวมีเพียงแม่และพี่น้องสองคน หลังจากคลอดลูก ฝ่ายชายและแม่ของเขาปรากฏตัวที่ห้องรอคลอด พร้อมนำเอกสารสัญญาให้เธอเลือกสองทางเลือก คือ
1.ยกลูกให้ครอบครัวฝ่ายชาย โดยเธอจะได้รับเงินเดือนละ 10,000 บาท แต่ต้องตัดขาดจากลูก
2.ดูแลลูกเองโดยที่ฝ่ายชายจะไม่รับรองบุตรและไม่ให้การสนับสนุนใดๆ เธอไม่ได้ให้คำตอบในทันที เนื่องจากเครียดจนมีผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์
กระทั่ง เธอเซ็นสัญญายกลูกให้ครอบครัวฝ่ายชาย แต่ภายหลังเธอรู้สึกเสียใจและขอพบลูกเป็นระยะ จนมาถึงวันเกิดเหตุ ฝ่ายชายและแม่มารับหลานที่บ้านพี่ชาย แต่ครั้งนี้แม่ฝ่ายชายปฏิเสธที่จะให้กำหนดระยะเวลาการพบลูก ทำให้เกิดการยื้อแย่งเด็กตามที่ปรากฏ ลังจากนั้นตนก็ไม่ได้พบหน้าลูกอีกเลย
ข่าวที่น่าสนใจ
- อาสาพลาดท่า จะจับงูแต่โดนงูรัดคอ นอนหมดสติ หวิดดับ
- หมาจรถูกวางยาในค่ายทหาร สะเทือนใจคนรักสัตว์ ถูกวางยาตาย 17 ตัว
- สรุปให้ สถิติหวยออกวันพุธ ต้อนรับ หวยสงกรานต์ แนวทางล่าสุด 16/4/68
ทั้งนี้ แม่ฝ่ายหญิง เล่าว่า ลูกสาวไม่มีความสุขเลยตั้งแต่คบหากับฝ่ายชาย และต้องทนทุกข์มาเป็นเวลานาน ทั้งถูกดูถูกและกดดันจากครอบครัวของฝ่ายชายมาโดยตลอด ตนมั่นใจว่าครอบครัวของเราสามารถดูแลเด็กคนนี้ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาฝ่ายชายแต่อย่างใด ตอนนี้ตนต้องการเพียงได้ให้หลานกลับคืนมา ไม่ต้องการฟ้องร้องหรือเรียกร้องค่าเลี้ยงดู จึงขอความเป็นธรรมให้กับลูกและหลาน
